เนื้อหาในหมวด ข่าว

กูรูโลกยกย่อง \

กูรูโลกยกย่อง "ผักลดพุง" ไล่ไขมันในช่องท้อง ผู้หญิงกินยิ่งดี สูตรลับหุ่นสวยสาวเวียดนาม!

"ผักโขม" ผักที่สื่อโลกยกย่อง สรรพคุณลดไขมันในช่องท้อง คุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงมาก

ตามรายงานของเว็บไซต์ SOHA หนึ่งในความลับของการดูแลสุขภาพและรูปร่างของผู้หญิงเวียดนามคือ "ผักโขม" ผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระและธาตุเหล็ก ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการทั่วโลกยกให้เป็นผักอันดับต้นๆ ที่ช่วยลดไขมันในช่องท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังดีต่อหัวใจ เบาหวาน และระบบเผาผลาญของร่างกาย

โดยมีการรายงานหรืออ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ ที่ให้ความเห็นเชิงบวกต่อคุณค่าของผักโขม เช่น Dr. Molly Synder, Dr. Diane Han, Anar Allidina ล้วนอ้างถึงประโยชน์ของผักโขมในบริบทของสุขภาพและการลดไขมันภายใน เรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ได้รับการยกย่องในวงการสุขภาพนานาชาติ

ทำไม “ผักโขม” จึงช่วยลดไขมันในช่องท้องได้? ไขมันในช่องท้องเป็นไขมันที่สะสมอยู่ลึกบริเวณหน้าท้องและรอบอวัยวะภายใน มีความเกี่ยวข้องกับโรคร้ายเรื้อรังหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และกลุ่มอาการเมตาบอลิก การรับประทานผักโขมเป็นประจำสามารถช่วยลดไขมันชนิดนี้ได้ ด้วยเหตุผลหลักดังต่อไปนี้

1. อุดมด้วยแคโรทีนอยด์ (Carotenoids)

ผักโขมมีสารลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และเพิ่มกระบวนการเผาผลาญไขมัน งานวิจัยชี้ว่า คนที่มีระดับแคโรทีนอยด์ในเลือดสูงมักมีไขมันในช่องท้องต่ำกว่าคนที่มีระดับต่ำ

2. มีไฟเบอร์สูง

ผักโขมยังเป็นแหล่งของใยอาหารคุณภาพดี ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดการกินเกิน และช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล หนึ่งถ้วยของผักโขมปรุงสุกให้ไฟเบอร์ราว 4 กรัม หรือประมาณ 14% ของความต้องการประจำวัน

3. ยับยั้งการสะสมไขมัน

แม้กลไกที่แน่ชัดยังต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่แคโรทีนอยด์จากผักโขมถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในช่องท้องและไขมันทั่วร่างกายได้ การเพิ่มผักโขมในเมนูประจำวัน เช่น ผสมในไข่ดาว ทำซุป หรือนำไปปั่นสมูทตี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี

นอกจากการกินผักโขมเป็นประจำ นักโภชนาการยังแนะนำกลยุทธ์เสริม ที่ทำควบคู่กันเพื่อให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นเคล็ดลับลดไขมันในช่องท้องอย่างยั่งยืน ดังนี้

  • เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่จำเป็นต้องเข้าฟิตเนสหนัก ๆ เพียงแค่เดินวันละ 10-15 นาทีหลังอาหารก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและไขมันสะสมได้แล้ว
  • เสริมโปรตีนคุณภาพ โปรตีนช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและส่งเสริมระบบเผาผลาญ เลือกรับประทานแหล่งโปรตีนที่ดี เช่น ถั่ว เต้าหู้ ถั่วเหลือง หรือถั่วเลนทิล ที่ให้ทั้งโปรตีนและใยอาหาร
  • ควบคุมความเครียด ความเครียดสะสมทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นการสะสมไขมันรอบเอว ควรฝึกหายใจลึก ๆ เล่นโยคะ หรือใช้เวลาทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
  • ลดน้ำตาลแฝง อาหารแปรรูปและเครื่องดื่มหวานมักมีน้ำตาลแฝงในปริมาณสูง แนะนำให้จำกัดไม่เกิน 10% ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน หรือไม่เกิน 50 กรัมต่อวันในคนทั่วไป
  • ผักโขม ผักธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ยิ่งในยุคที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพ ผักโขมกลายเป็น "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่ทั้งง่ายต่อการปลูก ราคาย่อมเยา และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ลดไขมัน และดูแลสุขภาพโดยรวม เพราะไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพลำไส้ ระบบเผาผลาญ และหัวใจเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการลดไขมันในช่องท้องที่อันตรายต่อชีวิตในระยะยาว ถือเป็นตัวช่วยที่ดีในทุกเมนูของคนรักสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม