เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"พ่อใหม่" ชอบย่องไปนอนห้องลูกสาวกลางดึก แม่ดูกล้องน้ำตาไหล "คนที่ผิดคือฉันเอง"

แม่สงสัยสามีใหม่ย่องเข้าห้องลูกสาววัย 7 ขวบ ยามดึก ติดกล้องแอบดู สิ่งที่เห็นทำเธอทรุด น้ำตาไหลไม่หยุด

หญิงแม่ลูกหนึ่งจากเวียดนามเผยเรื่องราวสะเทือนใจ หลังสงสัยว่าสามีใหม่ของเธอมีพฤติกรรมผิดปกติกับลูกสาววัย 7 ขวบ จนตัดสินใจแอบติดกล้องในห้องลูก แต่สิ่งที่เธอค้นพบกลับกลายเป็นความจริงที่เจ็บปวดและทำให้เธอต้องย้อนมองตัวเองใหม่

เธอเล่าว่า หลังจากหย่าร้าง เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสามีคนที่ 2 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนอ่อนโยนและไม่เคยแสดงอคติต่อลูกติดของเธอเลย แต่ไม่นานมานี้ เธอสังเกตว่าสามีมักลุกจากเตียงกลางดึก โดยอ้างว่าปวดหลังและไปนอนที่โซฟา กระทั่งคืนหนึ่ง เธอตื่นมาพบว่าเขาอยู่ในห้องลูกสาว กำลังกอดลูกนอนอยู่บนเตียง

แม้สามีจะบอกว่าแค่เข้าไปปลอบลูกที่ร้องไห้แล้วเผลอหลับไป แต่ด้วยความหวาดกลัวและระแวง เธอจึงติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องลูกสาวเพื่อจับตาดูพฤติกรรมของเขา

คืนแรกที่เปิดกล้องดู เธอถึงกับช็อก เมื่อลูกสาวลุกขึ้นเดินวนในห้องกลางดึก ขณะที่ยังหลับอยู่ ดวงตาปิดสนิท สีหน้าว่างเปล่า ก่อนจะโขกหัวกับผนังแล้วหยุดยืนนิ่งราวกับถูกสะกด เธอแทบไม่เชื่อสายตา

ไม่กี่นาทีถัดมา สามีของเธอเข้ามาในห้อง เขากอดลูกเบา ๆ และปลอบเธอด้วยถ้อยคำที่กล้องจับเสียงไม่ได้ จากนั้นลูกสาวก็นอนหลับต่ออย่างสงบ

เธอได้นำคลิปดังกล่าวไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก ซึ่งวินิจฉัยว่าลูกของเธอมีภาวะ “ละเมอเดิน” หรือ Sleepwalking ซึ่งมักเกิดในเด็กที่ไวต่อความรู้สึก หรือเคยประสบเหตุการณ์สะเทือนใจในวัยเด็ก

คุณหมอยังถามคำถามหนึ่งที่ทำให้เธอถึงกับร้องไห้ว่า “เด็กเคยถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวตอนยังเล็ก หรือเคยต้องห่างจากพ่อแม่เป็นเวลานานหรือไม่?”

หญิงคนดังกล่าวยอมรับว่า ในช่วงหลังการหย่าร้าง เธอเคยต้องฝากลูกไว้กับแม่ของเธอเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อออกไปทำงาน จนบางครั้งกลับมา ลูกก็ไม่ยอมเข้าหาและไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่

“ฉันคิดว่าตัวเองทำเพื่ออนาคตของเรา แต่กลับกลายเป็นว่าฉันสร้างบาดแผลให้ลูกโดยไม่รู้ตัว” เธอกล่าว

เธอยอมรับด้วยน้ำตาว่า ผู้ชายที่เธอเคยสงสัยและกลัวกลับเป็นเพียงคนเดียวที่รู้วิธีปลอบโยนลูกอย่างแท้จริง เขาคอยเรียนรู้เวลาที่ลูกสะดุ้งตื่น คอยอยู่ใกล้เพื่อให้ลูกอุ่นใจ และไม่เคยตำหนิหรือโกรธเธอเลย

“ฉันเคยคิดว่าเขาน่าจะมีความผิด แต่ความจริงแล้ว...คนที่ผิดคือตัวฉันเอง”

ตอนนี้เธอกับสามีร่วมกันดูแลลูกอย่างใกล้ชิดทุกคืน โดยที่เขายังคงนอนเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่า หากลูกสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะสามารถเข้าไปปลอบเธอได้ทันที

เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า แม้จะไม่รู้ว่าจะชดเชยสิ่งที่พลาดไปได้เมื่อไร แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณที่มีคนคนหนึ่งเลือกจะรัก และโอบกอดบาดแผลในใจของแม่ลูกคู่นี้ ด้วยความอ่อนโยนที่เธอเคยมองข้ามไปอย่างไม่รู้ตัว