เนื้อหาในหมวด ข่าว

หมอเตือน \

หมอเตือน "3 ไม่" เมื่อใช้แอร์ ป้องกันหลอดเลือดหดตัว สโตรกเฉียบพลัน-ชักได้ทุกเมื่อ!

หมอเตือน! ใช้แอร์ผิดวิธี เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันได้ทุกเมื่อ แนะปรับอุณหภูมิ 25-26 องศา ลดอันตราย

แอร์เป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม สร้างสภาพแวดล้อมที่สบายในการใช้ชีวิตและทำงาน โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนจัด นอกจากช่วยทำความเย็นแล้ว แอร์บางรุ่นยังสามารถกรองฝุ่นละออง เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ช่วยปกป้องระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ที่จะลดความเสี่ยงจากการช็อกหรืออ่อนเพลียจากอากาศร้อนจัด อย่างไรก็ตาม การใช้แอร์อย่างไม่ถูกวิธีอาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น ผิวแห้ง ระคายเคืองทางเดินหายใจ หรือแม้แต่เสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันจากความเย็นจัด

Dr.Nguyễn Thế Anh แพทย์หัวหน้าหน่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาล Thanh Nhàn ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำเกินไป เพราะอาจทำให้หลอดเลือดหดตัวทันที ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ และผู้ที่มีความดันโลหิตสูง แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 25-26 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันการเกิดความต่างของอุณหภูมิระหว่างในและนอกห้องมากเกินไป ช่วยลดความเสี่ยงต่อช็อกความร้อนและโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ

ทั้งนี้ คุณหมอยังได้แนะนำหลัก “3 ไม่” หรือข้อควรระวัง 3 ประการ เพื่อป้องกันผลเสียจากการใช้แอร์ ดังนี้

  • ไม่ควรเดินเข้าไปในห้องแอร์ทันที หลังออกจากแดดร้อนจัด ควรพักในที่ร่มหรือที่อากาศถ่ายเท ใช้พัดลมช่วยคลายร้อนก่อน

  • ไม่ควรเปิดแอร์ติดต่อกันนานเกิน 2-3 ชั่วโมง ควรปิดเครื่องและเปิดประตูระบายอากาศบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคในห้อง

  • ไม่ควรให้อากาศจากแอร์พัดตรงเข้าร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า เพราะเสี่ยงทำให้เกิดอักเสบทางเดินหายใจ โรคไซนัส หรือแม้แต่เป็นอัมพาตใบหน้าได้

  • นอกจากนี้ แอร์ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จะสะสมฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรีย เมื่อติดเครื่อง เชื้อโรคเหล่านี้จะปลิวฟุ้งในอากาศก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 1-2 เดือน และตรวจสอบบำรุงรักษาเครื่องอย่างน้อยทุก 3-6 เดือน

    และเพื่อป้องกันผลเสียจากสภาพอากาศร้อนจัด คุณหมอแนะนำว่าควรปฏิบัติตัว ดังนี้

    • ดื่มน้ำและเติมเกลือแร่ให้เพียงพอเมื่อต้องออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้ง

    • สวมใส่เสื้อผ้าบางเบา สวมหมวกปีกกว้าง และหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงแดดแรงจัด (11.00-15.00 น.)

    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมสังเกตอาการผิดปกติหากมีโรคประจำตัว

    • อย่าประมาทกับอาการเวียนหัว เหนื่อยง่าย หรืออ่อนเพลียต่อเนื่อง เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของช็อกความร้อนหรือโรคหลอดเลือดสมอง

    “หน้าร้อนไม่ใช่แค่ฤดูที่ร้อน แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่คนมักละเลยสัญญาณเตือนสุขภาพ การระมัดระวังและเข้าใจเรื่องสุขภาพอย่างถูกต้อง คือวิธีป้องกันตัวเองและคนที่เรารักได้ดีที่สุด” คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ หากรู้สึกมีอาการผิดปกติในช่วงอากาศร้อน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้

    ถอดปลั๊กช่วยประหยัดไฟจริงไหม? กูรูเผย \

    ถอดปลั๊กช่วยประหยัดไฟจริงไหม? กูรูเผย "ถ้าถอดผิด อาจเสียค่าไฟมากกว่าเดิม"

    ถอดปลั๊กช่วยประหยัดไฟจริงไหม? ผู้เชี่ยวชาญเผย "ถ้าถอดผิด อาจเสียค่าไฟมากกว่าเดิม" พร้อมแนะ 3 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ควรเริ่มถอดปลั๊กก่อน

    จริงหรือ?! การปรับแอร์ \

    จริงหรือ?! การปรับแอร์ "อุณหภูมิต่ำลง" ช่วยให้เย็นเร็ว-เซฟค่าไฟ ปรากฏว่าหลายคนเข้าใจผิด

    เมื่ออากาศร้อนขึ้น การปรับแอร์ให้ "อุณหภูมิต่ำลง" ถูกต้องหรือไม่ ปรากฏว่าหลายคนเข้าใจผิด!

    เปลืองไฟเท่าไหร่? เปิดพัดลมทั้งคืน 8 ชั่วโมง หนุ่มทดลองทึ่ง เทียบผลลัพธ์กับแอร์

    เปลืองไฟเท่าไหร่? เปิดพัดลมทั้งคืน 8 ชั่วโมง หนุ่มทดลองทึ่ง เทียบผลลัพธ์กับแอร์

    เปิดพัดลมทั้งคืน 8 ชั่วโมงเปลืองค่าไฟเท่าไหร่? ผู้ใช้ทดลองแล้วพบผลลัพธ์น่าทึ่งเมื่อเทียบกับแอร์

    ร้อนตับแตก แต่อยากประหยัดค่าไฟ ควรเปิดแอร์โหมด Eco หรือ Dry สรุปหลายบ้านเข้าใจผิด!

    ร้อนตับแตก แต่อยากประหยัดค่าไฟ ควรเปิดแอร์โหมด Eco หรือ Dry สรุปหลายบ้านเข้าใจผิด!

    เปิดเผยความจริง! กดปุ่มไหนบนรีโมทแอร์ Dry, Eco, Sleep, Timer ที่จะช่วยประหยัดค่าไฟได้จริง หลายบ้านเข้าใจผิดมาตลอด