เนื้อหาในหมวด ข่าว

สะเทือนวงการแพทย์ หนุ่มฟื้นกลางห้องผ่าตัด กำลังจะถูกเก็บอวัยวะ ทั้งที่ยังไม่ตาย!

สะเทือนวงการแพทย์ หนุ่มฟื้นกลางห้องผ่าตัด กำลังจะถูกเก็บอวัยวะ ทั้งที่ยังไม่ตาย!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐเคนทักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างความสั่นสะเทือนต่อระบบบริจาคอวัยวะทั่วประเทศ ชายวัย 33 ปี ถูกวางแผนให้นำอวัยวะออกเพื่อบริจาค ทั้งที่เขายังไม่ตาย และฟื้นขึ้นมากลางห้องผ่าตัด!

TJ Hoover อายุ 33 ปี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหลังใช้ยาเกินขนาดในปี 2021 ถูกประกาศว่า "สมองตาย" แต่เขาตื่นขึ้นมากลางห้องผ่าตัด ลืมตา มองสบตาแพทย์ และส่ายหน้า ขณะเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมอุปกรณ์เพื่อเริ่มกระบวนการผ่าตัดเก็บอวัยวะ สุดท้ายกระบวนการถูกยุติลง และเขารอดชีวิตมาได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้นำไปสู่การตรวจสอบครั้งใหญ่ของระบบบริจาคอวัยวะในสหรัฐฯ

รายงานเปิดโปง: ผู้ป่วย “ยังไม่ตาย” แต่เริ่มกระบวนการเก็บอวัยวะแล้ว

สำนักงานบริหารทรัพยากรสุขภาพและบริการสุขภาพของสหรัฐฯ (HRSA) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบองค์กรบริจาคอวัยวะ Kentucky Organ Donor Affiliates (KODA) ซึ่งดูแลพื้นที่ในรัฐเคนทักกี้ โอไฮโอ และเวสต์เวอร์จิเนีย พบข้อมูลที่น่ากังวลอย่างยิ่ง:

  • จากเคสทั้งหมด 351 ราย มี 28 ราย ที่ถูกเริ่มกระบวนการบริจาคในขณะที่ยังไม่เสียชีวิตจริง

  • 73 ราย มีอาการทางระบบประสาทที่ไม่สอดคล้องกับภาวะสมองตาย

  • บางกรณี ไม่เคารพคำยินยอมของครอบครัว และละเลยการประสานกับแพทย์ผู้ดูแลคนไข้

ทางการสหรัฐฯ สั่งปฏิรูป

กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) ของสหรัฐฯ สั่งให้มีการปฏิรูประบบบริจาคอวัยวะครั้งใหญ่ โดยเน้นมาตรการด้านจริยธรรมและความโปร่งใส พร้อมทั้ง:

  • ระงับการดำเนินงานบางส่วนของ KODA

  • สั่งให้ทำ การวิเคราะห์สาเหตุเชิงระบบ (Root Cause Analysis)

  • เตรียมเปิดช่องทางให้ประชาชน ร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแส ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

ดร. Raymond Lynch หัวหน้าแผนกปลูกถ่ายอวัยวะแห่ง HRSA ระบุว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจยอมรับได้ และจำเป็นต้องมีการตรวจสอบทั่วประเทศ”

ความเสี่ยงของการบริจาคแบบ DCD

นอกจากการบริจาคจากผู้ป่วยสมองตาย (Brain Death) แล้ว ยังมีรูปแบบที่เรียกว่า DCD (Donation after Circulatory Death) หรือการบริจาคหลังหยุดการรักษา ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติมาตรฐานในบางกรณี แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มีความเสี่ยงสูง หากการประเมินการเสียชีวิตไม่แม่นยำ

บางกรณี เช่น TJ Hoover ผู้ป่วยยังมีปฏิกิริยาทางระบบประสาทอยู่ แต่อาจถูกประกาศว่าเสียชีวิตแล้ว เพื่อเร่งกระบวนการบริจาค ซึ่งละเมิดหลักจริยธรรมการแพทย์อย่างรุนแรง

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรบริจาคอวัยวะในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดคำถามใหญ่ต่อระบบการตรวจวินิจฉัยภาวะเสียชีวิต และความเร่งรีบในกระบวนการเก็บอวัยวะ

อย่างไรก็ตาม ทางการยืนยันว่าจะเร่งฟื้นฟูความไว้วางใจของประชาชน ด้วยการปรับปรุงกระบวนการ ตรวจสอบการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ และเพิ่มการมีส่วนร่วมของครอบครัวผู้ป่วย

ดร. Lynch กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความไว้วางใจในระบบนี้ต้องถูกสร้างขึ้นใหม่ทุกวัน ไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดหวังให้มีได้โดยอัตโนมัติ”

ชีวิตหลังรอดชีวิต

TJ Hoover ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์นั้น เจ้าหน้าที่เสนอให้ส่งเขาไปสถานพยาบาลในรัฐอื่น แต่ Donna Rhorer พี่สาวของเขาเลือกพากลับบ้านที่เมืองริชมอนด์แทน

แพทย์บอกกับ Rhorer ว่า TJ จะไม่ดีขึ้นอีกแล้ว ในช่วงสี่เดือนแรก แพทย์ยังบอกอีกว่าเขาอาการยังไม่ดีพอที่จะทำกายภาพบำบัด

Rhorer ทุ่มเวลาไปกับการดูแล TJ จนต้องสูญเสียงานผู้จัดการร้านอาหารของเธอ แต่เธอกลับยอมสละงานนั้นเพื่อทำหน้าที่รักษาน้องชายด้วยตัวเอง เธอช่วยฟื้นฟูร่างกายของ TJ จนเขาแข็งแรงพอที่จะเข้ารับกายภาพบำบัด และในที่สุด TJ ก็สามารถเดินเคียงข้างพี่สาวในพิธีแต่งงานของเธอในเดือนพฤษภาคม 2023

แม้ TJ จะยังมีปัญหาหลายด้าน เช่น ความจำระยะสั้น สายตา และการทรงตัว แต่เขาแข็งแรงพอที่จะเข้ารับกายภาพบำบัดได้หลายครั้งต่อสัปดาห์ และยังคงมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ