
ผู้เชี่ยวชาญแนะ "ไฟห้องน้ำ" ควรใช้สีอะไร ขาว vs เหลือง มีผลต่อสุขภาพภายใน!
ผู้เชี่ยวชาญแนะ "ไฟห้องน้ำ" ควรใช้สีอะไร ขาว vs เหลือง มีผลต่อสุขภาพ ระบบภายในร่างกาย โดยเฉพาะวัยกลางคน
คนส่วนใหญ่มักมีสุขภาพเสื่อมลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น อาการไม่สบายท้องและระบบทางเดินอาหารก็จะพบได้บ่อยขึ้น โดยปกติแล้วการสังเกตของเสียจากร่างกายหลังการเข้าห้องน้ำถือเป็นวิธีที่สะท้อนสภาพร่างกายได้โดยตรง
คุณเคโกะ ผู้เชี่ยวชาญด้านยาเสริมสุขภาพจากญี่ปุ่นกล่าวว่า หลังอายุ 40 ปี ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารจะเพิ่มขึ้น และการสังเกตของเสียสามารถช่วยบ่งชี้ปัญหาได้ แต่ห้องน้ำที่ติดตั้งไฟสีเหลือง ใช้น้ำหอม หรือมีน้ำยาทำความสะอาดที่มีฟองเยอะ อาจทำให้สัญญาณเตือนสุขภาพถูกปกปิดได้
คุณเคโกะได้เผยแพร่บทความในเว็บไซต์ “サンキュ!” ว่า โดยทั่วไปคนที่อายุ 40 ปี ขึ้นไปจะพบโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและอาการไม่สบายตัวบ่อยขึ้น หากไม่ได้รับการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ อาจส่งผลร้ายแรง จึงควรสังเกตของเสียในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยตรวจจับสัญญาณของโรคและปกป้องสุขภาพตนเอง
เธออธิบายว่า ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะหรือลำไส้ มีสีหรือกลิ่นผิดปกติ ก็สามารถบ่งบอกสภาพร่างกายได้ ดังนั้นสภาพแวดล้อมในห้องน้ำจึงมีความสำคัญมาก นอกจากการสังเกตหลังเข้าห้องน้ำแล้ว หากพบความผิดปกติ สามารถถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือเก็บไว้ เพื่อแสดงให้แพทย์ดูเวลาพบแพทย์ จะช่วยให้วินิจฉัยได้แม่นยำขึ้น
คำแนะนำ
ปิดระบบกดน้ำอัตโนมัติชั่วคราว สำหรับบ้านที่มีระบบกดน้ำชักโครกอัตโนมัติ ควรปิดไว้ในช่วงที่ต้องการสังเกตของเสีย เพื่อไม่ให้พลาดการสังเกตอาการผิดปกติ
หลีกเลี่ยงไฟสีเหลืองในห้องน้ำ แสงไฟสีส้มอุ่นอาจทำให้สีของปัสสาวะผิดเพี้ยน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคตับที่ปัสสาวะจะมีสีส้ม ควรใช้หลอดไฟสีขาวสว่างแทน
เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบฟองน้อย น้ำยาทำความสะอาดที่มีฟองมากจะบดบัง ทำให้สังเกตของเสียได้ยากขึ้น
ระวังการใช้เครื่องหอมที่มีกลิ่นแรง กลิ่นแรงอาจกลบกลิ่นผิดปกติจากของเสีย ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพสำคัญ
ความสำคัญของอุณหภูมิสีของแสง (Color Temperature)
อุณหภูมิสีมีผลต่ออารมณ์ ประสิทธิภาพในการทำงาน และการพักผ่อน โดยอุณหภูมิสีของแสงวัดเป็นหน่วยเคลวิน (Kelvin หรือ K) บนสเกลตั้งแต่ 1,000K ถึง 10,000K ค่าต่ำแสดงถึงแสงอุ่น (โทนเหลือง) ส่วนค่าสูงคือแสงเย็น (โทนฟ้า)
ตัวอย่าง:
-
แสงเทียนหรือพระอาทิตย์ขึ้น ≈ 1,000-2,000K (แสงอุ่น)
-
ท้องฟ้าในวันฟ้าครึ้ม ≈ 6,500K (แสงเย็น)
ตารางเปรียบเทียบอุณหภูมิสีของหลอดไฟทั่วไป
-
Soft White: 2,700K – 3,000K
-
Warm White: 3,000K – 4,000K
-
Cool White (หรือ Bright White): 4,000K – 5,000K
-
Daylight: 5,000K – 6,500K
เมื่อไรควรใช้หลอดไฟ Soft White และ Warm White
Soft White: เหมาะสำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือมุมอ่านหนังสือ เพราะให้แสงอบอุ่น สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ใช้ร่วมกับตกแต่งโทนสีอบอุ่น เช่น เหลือง ส้ม แดง หรือไม้ธรรมชาติ
Warm White: เหมาะสำหรับห้องครัว ห้องน้ำ หรือห้องรับประทานอาหาร ให้แสงที่สว่างกว่า soft white แต่ยังคงรู้สึกอบอุ่น นิยมใช้กับโคมไฟหัวเตียงหรือโคมตั้งโต๊ะ
ข้อเสียของแสงอบอุ่น (Warm Light)
-
อาจสว่างไม่พอในบางพื้นที่ที่ต้องการแสงมาก
-
ทำให้เห็นสีผิดเพี้ยน เช่น แต่งหน้าไม่ชัด
-
ไม่เหมาะกับกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว เพราะแสงแบบนี้กระตุ้นการผ่อนคลาย
เมื่อไรควรใช้หลอดไฟ Daylight และ Cool White
Daylight: ให้แสงสว่างจ้าและชัดเจนใกล้เคียงแสงธรรมชาติ เหมาะสำหรับห้องทำงาน ห้องสตูดิโอ โรงรถ หรือพื้นที่ที่ต้องการความชัดเจนในการมองเห็น ใช้คู่กับการตกแต่งโทนเย็น เช่น ฟ้า เทา หรือขาว
Cool White: เหมาะกับพื้นที่ทำงานทั่วไป เช่น โฮมออฟฟิศ โรงเก็บของ ห้องครัว หรือห้องน้ำ ช่วยให้มองเห็นชัดเจนและแสดงสีได้แม่นยำ
ข้อเสียของแสงเย็น (Cool Light)
-
อาจทำให้บรรยากาศดูเย็นชา เหมือนโรงพยาบาล
-
บางคนอาจไวต่อแสงจ้า อาจปวดตาหรือปวดหัว
-
แสงสว่างเกินไปอาจรบกวนการนอน เพราะยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน (ฮอร์โมนการนอนหลับ)