
“ยายเมิ่ง” เจ้าของสูตรน้ำลืมอดีตที่ทุกวิญญาณต้องดื่มก่อนกลับมาเกิดใหม่
ในตำนานจีนโบราณ เมื่อดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับเดินทางมาถึง "โลกหลังความตาย" หนึ่งในด่านสุดท้ายก่อนการกลับชาติมาเกิด คือ “สะพานไน่เหอ” (奈何桥) และที่ปลายสะพานแห่งนั้น จะมีหญิงชรานามว่า “เมิ่งโพ” หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “ยายเมิ่ง” ยืนรออยู่พร้อมหม้อน้ำขนาดใหญ่ที่เดือดพล่านอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เธอทำคือ “ตักน้ำเบญจรส” (五味汤 – น้ำ 5 รส) ให้ทุกวิญญาณดื่ม เพื่อให้ลืมอดีตทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่วงจรชีวิตใหม่
น้ำเบญจรสมีทั้งรสเปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด และเค็ม ซึ่งสื่อถึงอารมณ์หลากหลายในชีวิต ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ รัก โลภ หรือแค้น หลังจากดื่มวิญญาณจะลืมทุกอย่างจากชาติที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ความสัมพันธ์ ความทรงจำ หรือแม้แต่ความปรารถนาลึกๆในใจ การลืมคือเงื่อนไขสำคัญของการเริ่มต้นใหม่อย่างบริสุทธิ์แม้บทบาทของ ยายเมิ่ง จะฟังดูเรียบง่าย แต่กลับทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในวัฒนธรรมความเชื่อของชาวจีน โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง “วัฏสงสาร” และ “การหลุดพ้น” ตามคติเต๋าและพุทธที่เข้ามาผสมผสานกันอย่างแนบแน่น ตำนานของเธอจึงเป็นทั้งสัญลักษณ์ของความเมตตา และบทสรุปของการปล่อยวางอดีตเพื่อก้าวต่อไปในชีวิตหน้า
แต่ก่อนที่ ยายเมิ่ง จะกลายมาเป็นผู้ปรุงน้ำลืมอดีต ตำนานได้กล่าวถึงเธอในฐานะหญิงสาวนามว่า “เมิ่งเจียงหนี่ว์” (孟姜女) ซึ่งเป็นบุคคลในนิทานพื้นบ้านจีนเรื่อง "เมิ่งเจียงหนี่ว์ ร้องไห้กำแพงยุบ" เรื่องเล่าว่าเธอเป็นหญิงที่ซื่อสัตย์ต่อสามี และเฝ้ารอการกลับมาของเขาผู้ถูกเกณฑ์ไปสร้างกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์ฉิน ด้วยความรักมั่น เมิ่งเจียงหนี่ว์ เดินทางฝ่าความหนาวเหน็บไปหา แต่พบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว เธอร้องไห้จนกำแพงถล่ม และหลังจากนั้นก็ฆ่าตัวตายตามด้วยแรงรักและความโศกเศร้าที่ฝังลึกในใจ เมิ่งเจียงหนี่ว์ จึงไม่สามารถข้ามภพได้เหมือนวิญญาณอื่นๆ จนกระทั่งเทพแห่งยมโลกมอบหมายให้เธอทำหน้าที่ดูแลเหล่าวิญญาณที่กำลังจะกลับชาติมาเกิด ด้วยเงื่อนไขว่า เธอต้องลืมอดีตของตนเองเสียก่อน จากนั้นเธอจึงกลายเป็น “เมิ่งโพ” ผู้ปรุงน้ำเบญจรส และกลายเป็นเทพีผู้ช่วยปลดเปลื้องพันธนาการของดวงวิญญาณ
ในอีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เมิ่งโพ เคยเป็นเทพที่มีพลังในการเห็นอดีตชาติของทุกชีวิต เธอจึงเข้าใจดีว่าความทรงจำอาจเป็นทั้งของขวัญและคำสาป หากไม่สามารถปล่อยวางความเจ็บปวดได้ วิญญาณจะยังวนเวียนอยู่กับอดีต ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจปรุงน้ำลืมอดีตขึ้นมา เพื่อช่วยให้ทุกชีวิตสามารถเกิดใหม่ได้อย่างสงบ แม้จะต้องแลกกับการถูกลืมโดยสิ้นเชิงตำนานจีนยังกล่าวถึงวิญญาณบางดวงที่ไม่อยากลืมความรักในภพก่อน พวกเขาอาจแอบเทน้ำทิ้ง แอบกลืนเพียงครึ่ง หรือแสร้งดื่มแต่ไม่ได้กลืนลงไป สิ่งนี้เองเป็นที่มาของความเชื่อเรื่อง “คู่แท้” หรือ “พรหมลิขิต” ที่แม้ชาติใหม่จะลืมทุกอย่าง แต่บางคนกลับรู้สึกคุ้นหน้า หรือมี "เดจาวู" เมื่อเจอกันอีกครั้งในชีวิตใหม่
แม้จะเป็นเพียงตำนาน แต่เรื่องของ ยายเมิ่ง ยังคงฝังแน่นในจิตวิญญาณของวัฒนธรรมจีนมานับพันปี ปรากฏอยู่ในวรรณกรรม บทกลอน การ์ตูน ซีรีส์ และพิธีกรรมในวันสารทจีนหรือเชงเม้งที่มีการอุทิศของให้วิญญาณ รวมถึงพูดถึงการข้ามสะพานไน่เหอและการดื่มน้ำลืมอดีตของผู้ล่วงลับในด้านจิตวิทยาและปรัชญา ตำนานนี้อาจตีความได้ว่า การปล่อยวางอดีตคือการเยียวยาตนเอง และการที่ ยายเมิ่ง เคยเป็นคนที่มีความรักอย่างลึกซึ้งก่อนกลายเป็นผู้ลืมอดีตผู้อื่น อาจเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้ผู้แบกรักและแค้นที่สุดในโลก ก็ยังต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง
สุดท้ายแล้ว “ยายเมิ่ง” มิได้เป็นเพียงผู้คอยลบเลือนอดีตของคนตาย แต่คือผู้มอบโอกาสให้ทุกวิญญาณได้เกิดใหม่ โดยไม่มีบาดแผลเก่าติดตัวไป เธอจึงไม่ใช่เทพีแห่งการลืมเลือน หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของ “การให้อภัย” และ “การเริ่มต้นใหม่” ที่อ่อนโยนที่สุดในตำนานแดนมังกร
เรื่องราวของเธออาจเป็นเพียงนิยายปรัมปรา แต่ความหมายลึกซึ้งของ “การลืมอดีตเพื่อก้าวต่อไป” ยังคงมีคุณค่าอย่างยิ่งกับโลกในปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ยังฝังใจกับความทุกข์ในวันวานไม่ต่างจากวิญญาณที่ยังไม่ยอมดื่มน้ำเบญจรสจาก ยายเมิ่ง เช่นกัน