
จริงเท็จแค่ไหน? ย้อนตำนาน "สมเด็จพระนเรศวร" เอาเลือด "พระยาละแวก" ล้างพระบาท
หนึ่งในเรื่องที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช คือการเสด็จกรีธาทัพตีเมืองละแวก และประกอบ “พระราชพิธีปฐมกรรม” หลังมีชัยเหนือ พระยาละแวก ผู้ครองกรุงกัมพูชา โดยมีคำบอกเล่าต่อกันว่า พระองค์ทรงสั่งให้นำโลหิตของศัตรูมาล้างพระบาท ซึ่งกลายเป็นภาพจำที่ถูกถ่ายทอดทั้งในตำราเรียน จิตรกรรมฝาผนัง และเรื่องเล่าประวัติศาสตร์มายาวนาน
ตำนานนี้มีที่มาจากพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ที่ระบุว่า เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ทรงมีชัยเหนือเมืองละแวกในปี พ.ศ. 2136–2137 ทรงประกอบพิธีปฐมกรรม โดยมีคำกล่าวว่า “เอาโลหิตท่านล้างบาทาเสียให้จงได้” มีการตัดศีรษะ พระยาละแวก แล้วนำเลือดไปชำระพระบาทท่ามกลางเสียงฆ้องชัยและดนตรีพิธีกรรมตามแบบพราหมณ์
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการจำนวนมากตั้งข้อสังเกตว่า พระราชพงศาวดารที่บันทึกเรื่องนี้มักเขียนขึ้นภายหลังเหตุการณ์หลายร้อยปี ใช้สำนวนเชิงวรรณศิลป์ และบางฉบับไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้เลย เช่น พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ที่ระบุเพียงว่า “เสด็จไปตีเมืองละแวก และได้ตัวพระยาศรีพรรณ” โดยไม่กล่าวถึงพิธีใดๆกับ พระยาละแวก หรือ “นักพระสัฏฐา”
ด้านข้อมูลจากบันทึกชาวตะวันตก เช่น บาทหลวงซานอโตนิโอ ชาวโปรตุเกส และนักเดินทางชาวฝรั่งเศส ยังให้ข้อมูลที่แตกต่างออกไป โดยระบุว่า นักพระสัฏฐา และราชบุตร มิได้ถูกประหาร แต่หลบหนีไปยังเมืองเชียงแตงในลาว และสิ้นพระชนม์ที่นั่น แทนที่จะเสียชีวิตด้วยพระราชพิธีอย่างที่พงศาวดารไทยบางฉบับระบุไว้ที่สำคัญคือ พระราชพิธี “ปฐมกรรม” ไม่ได้มีความหมายว่าการล้างพระบาทด้วยโลหิตศัตรูโดยตรง หากแต่เป็นหนึ่งในพระราชพิธีสำคัญ 17 ประการที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ใช้สำหรับประกาศพระราชอำนาจและการขึ้นครองราชย์ในลักษณะจักรพรรดิราช ซึ่งเกี่ยวข้องกับช้างสำคัญและพิธีสรงน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่พิธีกรรมประหารชีวิต
หลักฐานในกฎมณเฑียรบาลก็กล่าวถึงพิธี “ทูลน้ำล้างพระบาท” ซึ่งใช้ช้างศึก เช่น “เจ้าพระยาปราบหงสา” หรือ “เจ้าพระยาไชยานุภาพ” เป็นองค์ประกอบของพิธี และอาจเป็นไปได้ว่าผู้เขียนพงศาวดารในยุคหลัง สับสนระหว่างพิธีดังกล่าวกับพิธีปฐมกรรม
แม้พระราชพงศาวดารบางฉบับจะกล่าวถึงการ “ล้างพระบาทด้วยโลหิต” แต่หลักฐานร่วมสมัยจากต่างชาติ และการตีความบริบทของพิธีราชสำนัก กลับไม่สนับสนุนแนวคิดนี้ และยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง
ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการส่วนใหญ่จึงเห็นตรงกันว่า การกล่าวถึง “พิธีล้างพระบาทด้วยโลหิตศัตรู” อาจเป็นเพียงการแต่งเติมในภายหลัง เพื่อเชิดชูพระเกียรติของสมเด็จพระนเรศวรในฐานะวีรกษัตริย์ แต่ไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริงเชิงประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
การใช้ความรุนแรงเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้ นอกจากจะสวนทางกับพระจริยวัตรของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ยังไม่สอดคล้องกับแนวคิดของพิธีกรรมพราหมณ์โบราณ ที่เน้นการชำระล้างบาปและการเฉลิมฉลองชัยชนะ ไม่ใช่การล้างพระบาทด้วยโลหิตซึ่งถือเป็นมลทิน
สุดท้าย แม้เราจะไม่สามารถปฏิเสธความเชื่อทางประวัติศาสตร์ในอดีตได้ทั้งหมด แต่การตั้งคำถามอย่างมีหลักฐาน ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการเข้าใจประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และแยกแยะได้ระหว่าง “ตำนาน” กับ “ความจริง”