เนื้อหาในหมวด ข่าว

รู้เท่าไม่ถึงการ 8 อาหารซ่อนสารพิษ วัตถุดิบที่ทุกบ้านคุ้นเคย กินผิดอันตรายถึงตาย

รู้เท่าไม่ถึงการ 8 อาหารซ่อนสารพิษ วัตถุดิบที่ทุกบ้านคุ้นเคย กินผิดอันตรายถึงตาย

รู้เท่าไม่ถึงการ 8 อาหารซ่อนสารพิษ วัตถุดิบที่ทุกบ้านคุ้นเคยจนกลายเป็นความประมาท กินผิดปรุงพลาดอาจอันตรายถึงตาย 

ไม่ใช่อาหารทุกชนิดที่ปลอดภัยเพียงเพราะเราคุ้นเคย บางครั้งเพียงความประมาทเล็กน้อยในการเตรียม ล้าง หรือปรุงอาหาร ก็อาจเปลี่ยนให้ของกินธรรมดากลายเป็นแหล่งสารพิษถึงชีวิตได้

8 อาหารใกล้ตัวที่มีสารพิษตามธรรมชาติ 

1. หน่อไม้ดิบที่หมักไม่ดีพอ

หน่อไม้ดิบมีสารพิษไซยาไนด์ ซึ่งเป็นพิษร้ายแรงต่อระบบประสาท ผู้บริโภคหลายคนเข้าใจผิดว่าหน่อไม้หมักเปรี้ยวแล้วจะปลอดภัย จึงนำมาปรุงอาหารโดยไม่ต้มซ้ำ แต่ความจริงคือสารพิษนี้จะสลายเมื่อหน่อไม้ถูกต้มและเทน้ำทิ้งในครั้งแรก หากรับประทานหน่อไม้ที่ยังมีพิษ อาจเกิดอาการคลื่นไส้ หายใจติดขัด วิงเวียนศีรษะ หรือเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

2. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ และอัลมอนด์ขม

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ยังไม่ผ่านการคั่วหรือนึ่งมีสารยูรูชิออล ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังอย่างรุนแรง และทำให้เกิดการอักเสบหากกลืนเข้าไป ขณะที่อัลมอนด์ขมมีสารอะมิกดาลิน (amygdalin) ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หายใจลำบาก และถึงแก่ชีวิตได้หากกินในปริมาณมาก ทั้งสองชนิดนี้จึงปลอดภัยก็ต่อเมื่อผ่านความร้อนสูงอย่างเหมาะสม

3. มันฝรั่งที่มีสีเขียวหรือมีรากงอก

มันฝรั่งที่มีสีเขียวหรือเริ่มงอกจะผลิตสารโซลาแนน (solanine) ซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาท แม้จะตัดรากออกแล้ว แต่สารพิษอาจยังคงอยู่ในหัวมันฝรั่ง หากรับประทานเข้าไปอาจเกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้ วิธีที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงมันฝรั่งที่มีร่องรอยของการงอกหรือเปลี่ยนสี

4. ถั่วแดงและถั่วปากอ้าดิบหรือไม่สุกดี

ทั้งถั่วแดงและถั่วปากอ้ามีสารเลคติน (lectin) หรือไลนาแมอริน (linamarin) ซึ่งเป็นพิษต่อระบบย่อยอาหารและระบบประสาท เพียงถั่วแดงไม่สุกไม่กี่เมล็ดก็สามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และท้องเสียรุนแรงได้ ควรแช่ถั่วในน้ำอย่างน้อย 5 ชั่วโมง และต้มเดือดอย่างน้อย 10 นาทีทุกครั้งก่อนบริโภค โดยทั่วไปแล้ว ถั่วทุกชนิดควรผ่านความร้อนอย่างเพียงพอก่อนรับประทาน

5. เห็ดหูหนูสด หรือเห็ดหูหนูแห้งที่แช่น้ำนานเกินไป

เห็ดหูหนูสดมีสารพอร์ไฟริน (porphyrin) ซึ่งไวต่อแสงแดด อาจทำให้เกิดอาการผื่นคันหรือบวมหากรับประทานแล้วสัมผัสแสงแดด ส่วนเห็ดหูหนูแห้งหากแช่น้ำนานเกิน 1 ชั่วโมง หรือแช่ซ้ำหลายรอบในน้ำไม่สะอาด อาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและสารพิษ ควรแช่ในน้ำสะอาดเพียง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง และปรุงให้สุกก่อนกิน ห้ามแช่ค้างคืนเด็ดขาด

6. มันสำปะหลังดิบ

มันสำปะหลังโดยเฉพาะสายพันธุ์ขมหรือที่ยังไม่ผ่านการเตรียมให้เหมาะสมมีสารไลนาแมอริน (linamarin) ซึ่งเมื่อย่อยในร่างกายจะกลายเป็นไซยาไนด์ การล้างพิษต้องเริ่มจากการปอกเปลือก แช่น้ำอย่างน้อย 1 วัน และต้มจนสุกดี ห้ามกินดิบหรือปรุงไม่สุกเด็ดขาด เพราะอาจก่ออันตรายถึงชีวิต

7. น้ำผึ้งดิบที่มาจากแหล่งไม่น่าเชื่อถือ

น้ำผึ้งที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์หรือฆ่าเชื้อ อาจมีสารพิษตามธรรมชาติเช่น Pyrrolizidine alkaloids ซึ่งมาจากเกสรหรือรังสีของพืชบางชนิดที่ผึ้งนำมาใช้ผลิตน้ำผึ้ง เช่น พืชตระกูล Comfrey, Ragwort, หรือ Heliotrope เมื่อสะสมในร่างกายจนก่ออันตรายต่อระบบประสาทหรือทำลายตับได้ บางชนิดอาจมีเชื้อโรคแฝงอยู่ โดยเฉพาะไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบบริโภค เพราะเสี่ยงต่อภาวะโบทูลิซึม

8. หอมแดง-กระเทียม ที่มีจุดดำ

หอมแดงและกระเทียมที่มีจุดดำ อาจเกิดจากเชื้อราที่สร้าง สารพิษอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่อันตรายต่อร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะตับ ซึ่งเป็นอวัยวะแรกที่ดูดซึมสารพิษนี้ ส่งผลให้เกิด ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดี ได้ในระยะยาว ราดำชนิดนี้ความร้อนจากการปรุงอาหาร กำจัดได้ไม่หมดจึงควรหลีกเลี่ยง