
กล้าซื้อไหม? เปิดหน้า "ตุ๊กตาเหมือนเด็กจริง" ราคาเฉียด 3 แสน ที่กำลังเป็นกระแสทั่วโลก
สะเทือนวงการ! บุกเบื้องหลัง “ตุ๊กตาเหมือนเด็กจริง” ราคาเฉียด 3 แสนบาท กำลังเป็นกระแสฮิตทั่วโลก
ตุ๊กตาทารกหน้าตาเหมือนจริงระดับที่แยกไม่ออกจากเด็กทารกตัวจริง กำลังกลายเป็นกระแสฮิตที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยมีราคาสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 260,000 บาท ขณะที่ผู้สะสมและผู้หลงใหลใน Reborn Dolls ต่างยอมทุ่มทุนจ่ายเงินซื้อของใช้เด็กหรูหราเพื่อดูแลพวกมันราวกับเป็นลูกแท้ๆ
หนึ่งในบุคคลที่ตกหลุมรักตุ๊กตาเหล่านี้คือ "เคลลิ แมเปิล" (Kelli Maple) หญิงสาววัย 23 ปีจากสหรัฐฯ ที่เผยว่าเธอได้รับพลังบวกจากตุ๊กตาเหล่านี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิต “ฉันผ่านเหตุการณ์หลายอย่าง และตุ๊กตาเหล่านี้ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจของฉันได้มาก” เธอกล่าว
แม้ว่าใครหลายคนอาจจะคิดว่าเคลลิกำลังเลี้ยงลูกจริงๆ เมื่อนำ “Naomi” ใส่ชุดเด็ก นั่งรถเข็นไปเดินห้าง แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงตุ๊กตาเกิดใหม่ ที่เหมือนเด็กทารกของจริงแบบแยกแทบไม่ออก
เบื้องหลังอุตสาหกรรม "ตุ๊กตาเกิดใหม่" ที่เต็มไปด้วยศิลปะและความรู้สึก ของเล่นหรือเครื่องมือเยียวยาจิตใจ?
ตุ๊กตาเกิดใหม่ไม่ใช่ของเล่นธรรมดา พวกมันถูกผลิตขึ้นด้วยความละเอียดสูง โดยศิลปินต้องใช้ฝีมืออย่างประณีตตั้งแต่การปั้นซิลิโคน วาดเส้นเลือดบนผิวให้ดูสมจริง ยันฝังเส้นผมทีละเส้นด้วยขนแพะหรือขนอัลปากา เพื่อให้ได้ความเหมือนจริงขั้นสุด
แม้จะมีการพูดถึงเรื่องนี้มานานตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 แต่ปรากฏการณ์ตุ๊กตาเกิดใหม่เพิ่งจะ “ระเบิดความนิยม” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นทั้งแฟชั่นและแหล่งความสุขใจของใครหลายคน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและบราซิล ที่บางรัฐถึงกับมีความพยายามออกกฎหมายจำกัดการนำตุ๊กตาไปในที่สาธารณะ
สำหรับคนภายนอก การที่ผู้ใหญ่เลี้ยงตุ๊กตาเหมือนเด็กอาจดูแปลกหรือแม้กระทั่ง “น่ากลัว” แต่สำหรับผู้หลงใหล ตุ๊กตาเหล่านี้คือเครื่องมือทางจิตวิทยาในการบำบัดใจ โดยเฉพาะผู้ที่ผ่านประสบการณ์สูญเสียลูก มีภาวะซึมเศร้า หรือมีภาวะสมองเสื่อม
ภายในสหรัฐฯ มีศิลปินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทำตุ๊กตาเหล่านี้ในโรงรถหรือห้องใต้ดิน ด้วยกระบวนการสุดละเอียด เรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมแบบแฮนด์เมดที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทาง และเวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ตุ๊กตาเพียงหนึ่งตัว
"ดอโรธี บลู" (Dorothy Blue) หนึ่งในศิลปินผู้สร้างตุ๊กตาเล่าว่า เธอต้องสร้างตุ๊กตาตามภาพของทารกที่เสียชีวิตเพื่อมอบให้ครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งเป็นงานที่หนักหนาทางอารมณ์ “พูดตรงๆ การสร้างตุ๊กตาที่จำลองเด็กที่จากไปมันทำให้เราหดหู่มาก” เธอกล่าว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ราคาขายจะสูง แต่ศิลปินกลับไม่ร่ำรวยนัก เพราะต้องแข่งกับสินค้าลอกเลียนแบบราคาถูกจากจีน และภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย
- ได้ไง? สาวแต่งงานกับตุ๊กตา โชว์ผลตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด บทพีกกว่าสามีนอกใจครั้งก่อน
- รูปปัจจุบัน ทารกลูกครึ่งฉายา "หน้าสวยที่สุดในโลก" นางฟ้าตัวน้อยในวันนั้น โตขึ้นขนาดนี้แล้ว!
จากความรัก... สู่ชุมชนแห่งความเข้าใจ
ในงาน World Doll Show ที่จัดขึ้นในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 คน พร้อมตุ๊กตาคู่ใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและการสนับสนุนจากคนที่มีความชอบเหมือนกัน พวกเขาเลือกซื้อตั้งแต่รถเข็นเด็ก น้ำหอมกลิ่นเด็ก ไปจนถึงเสื้อผ้าตัดพิเศษ
แฮนนา แฮมมอนด์ (Hannah Hammond) ครูวัย 21 ปี ที่มางานพร้อมตุ๊กตา “Evie” กล่าวว่า “หลายคนคิดว่าเราบ้า แต่สำหรับเรา มันก็เหมือนกับงานอดิเรกทั่วไป.. ใครอุ้มผิดท่า ฉันยังต้องคอยเตือนเลยว่า ต้องประคองหัวเด็กด้วยนะ”
คีธ (Keith) และ เดีย แฮร์ริส (Dia Harris) คู่สามีภรรยาวัย 63 และ 51 ปี แม้จะมีลูกและหลานแล้ว แต่ก็ยังพาตุ๊กตาไปเดินเล่นด้วยอย่างภูมิใจ พร้อมเตรียมห้องพิเศษไว้ให้หลานนอนเล่นกับตุ๊กตาเวลามาเยี่ยม
ขณะที่ เมีย มาร์โตน (Mia Martone) แม้จะมีหลานแล้ว ยังยอมรับว่า “บางครั้งฉันก็แค่อยากมีเด็กที่ไม่ร้องไห้เลย”
ในเวลาเดียวกัน แม้บางครอบครัวอาจไม่เข้าใจความหลงใหลนี้ เช่น ลูกชายคนหนึ่งที่ไม่สามารถเข้าใจความชอบของแม่ที่สะสมตุ๊กตาราคาเป็นหมื่นได้ แต่ผู้เป็นแม่เพียงกล่าวว่า “ลูกไม่จำเป็นต้องเข้าใจ แค่เคารพมันก็พอ”
เรื่องนี้คงต้องยกคำพูดของ "นิกกี้ จอห์นสตัน" (Nikki Johnston) ศิลปินตุ๊กตาจากอังกฤษ เคยกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ตุ๊กตาเกิดใหม่ก็เหมือนของบางอย่างที่คุณจะรักหมดใจ หรือเกลียดมันเข้าไส้” ซึ่งคงอธิบายได้ดีที่สุดถึงอารมณ์สุดขั้วที่ผู้คนมีต่อปรากฏการณ์นี้
แต่สำหรับคนอย่าง เคลลิ แมเปิล และคนอีกมากมายทั่วโลก ตุ๊กตาเหล่านี้ไม่ใช่แค่ของสะสมหรือของเล่น หากแต่เป็นแสงสว่างเล็กๆ ในชีวิตที่มืดมน เป็นเพื่อน เป็นครอบครัว และที่สำคัญที่สุด เป็นกำลังใจในการเดินหน้าต่อไปในวันที่โลกหมุนช้า