เนื้อหาในหมวด ข่าว

หนุ่มวัย 27 ช็อก! กินไม่อ้วน-ขับถ่ายดี กลายเป็น \

หนุ่มวัย 27 ช็อก! กินไม่อ้วน-ขับถ่ายดี กลายเป็น "มะเร็งลำไส้ระยะ 3" หมอชี้สิ่งที่ห้ามมองข้าม

หนุ่มวัย 27 กินอะไรก็ไม่อ้วน ขับถ่ายคล่องทุกวัน กลับต้องช็อกเมื่อพบว่าความ “ปกติ” เหล่านั้น เป็นอาการของโรคร้าย มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับ เสี่ยวเฟย หนุ่มออฟฟิศวัย 27 ปีจากมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ผู้ที่ถูกเพื่อนร่วมงานแซวอยู่บ่อยๆ ว่า "โชคดีจริง กินแค่ไหนก็ไม่อ้วน แถมขับถ่ายคล่องทุกวัน" เขามักถ่ายวันละ 2-3 ครั้ง จนตัวเองก็เชื่อว่าระบบย่อยอาหารของตัวเองดีเยี่ยม

แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ความถี่ในการถ่ายเริ่มมากขึ้นแบบผิดปกติ บางครั้งพอทานอาหารเสร็จ ก็รู้สึกปวดท้องจนต้องเข้าห้องน้ำทันที และไม่สามารถกลั้นไว้ได้ เขายังคิดว่านี่คือการ “ย่อยดี ขับถ่ายเร็ว” จนกระทั่งเริ่มเห็นเลือดในอุจจาระ และน้ำหนักลดฮวบเกือบ 10 กิโลกรัมภายในเดือนเดียว ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการกินเลย

เมื่อไปโรงพยาบาลตรวจ ผลที่ได้ทำให้เสี่ยวเฟยแทบล้มทั้งยืน เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 เนื้องอกอยู่บริเวณซิกมาดีโคลอน (ส่วนปลายลำไส้ใหญ่) และลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองแล้ว

รองหัวหน้าแผนกระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลกลางเมืองจูโจว ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ เผยว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นหนึ่งในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้อายุน้อยที่สุดที่ถูกตรวจพบในระยะลุกลาม

เขาย้ำว่า หลายคนเข้าใจผิดว่า “ขับถ่ายทันทีหลังมื้ออาหาร” หรือ “ถ่ายหลายครั้งต่อวัน” คือสัญญาณของสุขภาพดี แต่ในความเป็นจริงอาจเป็น อาการเตือนภัยล่วงหน้า ของมะเร็งลำไส้ โดยเฉพาะหากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นร่วมกับสัญญาณอื่น เช่น 3 สัญญาณจากอุจจาระที่ควรรีบไปพบแพทย์

  • มีเลือดในอุจจาระ เลือดอาจมีสีแดงสด หรือทำให้ขี้มีสีเข้มคล้ายยางมะตอย เกิดจากแผลหรือเนื้องอกในลำไส้ ไม่ควรสรุปเองว่าเป็นแค่ริดสีดวงหรือท้องผูก

  • รูปร่างของอุจจาระเปลี่ยนไป เช่น อุจจาระมีลักษณะแบน เรียวเล็ก เหลวเกินปกติ หรือมีเมือกเหนียวติดโถ แสดงว่าลำไส้อาจมีการตีบแคบจากก้อนเนื้องอก

  • พฤติกรรมการถ่ายเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เช่น ถ่ายถี่ขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร ปวดท้องบ่อย ท้องเสียเรื้อรัง หรือมีอาการเหล่านี้เกิน 2-3 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์

  • นอกจากอาการเกี่ยวกับการขับถ่ายแล้ว ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้มักมีอาการร่วมดังนี้ ปวดท้องแบบหน่วงๆ ต่อเนื่อง, แน่นท้อง ท้องอืดบ่อย, เบื่ออาหาร น้ำหนักลดเร็วโดยไม่ตั้งใจ, อ่อนเพลีย ซีด หรือมีภาวะโลหิตจาง

    แพทย์ยังระบุว่า หากพบในระยะที่ 3 อัตรารอดชีวิต 5 ปีอยู่ที่ราว 53% หากเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่หากปล่อยไว้จนเข้าสู่ระยะ 4 หรือมีการกระจายไปยังอวัยวะอื่นแล้ว โอกาสรอดจะน้อยลงอย่างมาก

    ดังนั้น อย่ามองข้าม “เรื่องในห้องน้ำ” แม้อายุน้อย แม้คุณจะอายุยังน้อย หรือไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน แต่หากพฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป หรือมีเลือดในอุจจาระซ้ำๆ อย่าชะล่าใจเด็ดขาด เพราะสุขภาพลำไส้ คือกระจกสะท้อนโรคร้าย อย่าปล่อยให้ “ความเข้าใจผิด” ทำให้คุณมารู้ตัว… เมื่อทุกอย่างอาจสายเกินไป