
ไม่ได้น่าภูมิใจ! 3 นิสัยของพ่อ ที่เป็น "ฝันร้ายของลูก" รวมคำเตือนผู้เชี่ยวชาญ รีบรู้ตัวก่อนสาย
เตือนให้รู้ตัว 3 ลักษณะผู้เป็นพ่อที่กลายเป็น “ฝันร้ายของลูก” หากไม่อยากทำลายชีวิตลูก พ่อจำเป็นต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง!
ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ SOHA มีคำถามหนึ่งถูกโพสต์ในโซเชียลฯ และได้รับความสนใจอย่างมากจากหลายครอบครัว นั่นคือ บทบาทที่สำคัญที่สุดของพ่อในการเลี้ยงลูกคืออะไร?
ในคำตอบที่หลั่งไหลเข้ามา หนึ่งในนั้นคือคุณแม่คนหนึ่งที่ตอบว่า “คือความมั่นใจ” เธอเล่าเสริมว่า เมื่อสามีเข้ามามีส่วนร่วมเลี้ยงดูลูกมากขึ้น ลูกชายของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ ลูกชายขาดความมั่นใจ ไม่มีความรู้สึกปลอดภัย ไม่กล้าเข้าห้องน้ำเองที่บ้าน ไม่กล้าเข้าสังคม และกลัวการถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง แต่เมื่ออยู่กับพ่อ ลูกกลับมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าลงมือทำหลายเรื่อง รู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่ไม่สามารถสร้างได้เพียงลำพัง
คำถามตามมาคือ ต้องอยู่กับพ่อที่มีลักษณะอย่างไร จึงจะส่งผลด้านบวกต่อความมั่นใจ ความกล้าหาญ และความรู้สึกปลอดภัยของลูก? ซึ่งบทความดังกล่าวได้รวมรวบข้อมูลที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญได้ เตือนถึง 3 พฤติกรรมของผู้เป็นพ่อ ที่อาจส่งผล "ตรงกันข้าม" ดังนี้
พ่อที่อารมณ์แปรปรวนบ่อย : พ่ออารมณ์ขึ้นลงกะทันหัน ทำให้เด็กไม่รู้สึกปลอดภัย
ในหนังสือ Family Shapes People ซาตีร์เขียนไว้ว่า “มีพ่อแม่หลายคนที่พยายามเติมเต็มอัตตาของตนเองด้วยการเชื่อฟังของลูก” พ่อแม่ที่มีอารมณ์ไม่มั่นคงมักทำให้ลูกกลายเป็นเป้าหมายของความโกรธ ก่อให้เกิดความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ต้องคอยปกป้องตัวเองตลอดเวลามีแนวโน้มที่จะสูญเสียความรู้สึกมั่นคง และลักษณะนิสัยนี้สามารถติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวิต
เคยมีชาวเน็ตคนหนึ่งเล่าว่า พ่อของเธอเป็นคนที่อารมณ์ไม่มั่นคงมาก ตอนที่เธออยู่มัธยมต้น พ่อของเธอบังคับให้เธอยอมรับในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำ และเมื่อเธอปฏิเสธ พ่อก็เริ่มโกรธ ซึ่งเธอมองว่ามันคือ "การดูหมิ่น ข่มขู่ และความรุนแรง" ต่อเนื่องกัน พ่อของเธอไม่ได้ตีอย่างแรง แต่ใช้มือบีบเนื้อด้านในของเธอจนเห็นรอยฟกช้ำ ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อความโกรธของเขาสงบลง เขาก็ออกไปเดินเล่น แล้วกลับมาเล่นกับลูกสาวอย่างมีความสุข
เธอเล่าว่าในช่วงวัยเด็ก พ่อของเธอมักจะเปลี่ยนแปลงบ่อยจนเป็นเรื่องปกติ ความไม่มั่นคงของพ่อทำให้เธอรู้สึกวิตกกังวลและไม่มั่นคงตลอดช่วงวัยเด็ก ราวกับต้องอยู่ในภาวะตื่นตัวสูง กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็น "กระสอบทราย" ให้พ่อระบายความโกรธได้ทุกเมื่อ
- ฮาร์วาร์ดเผย 3 นิสัย(ดูเหมือน)แย่ แต่พิสูจน์ได้ว่า "เด็กฉลาด" ผปค.ควรรู้ ไม่ขวางเฉิดฉาย!
- ลูกสาวใกล้สิ้นใจ แต่พ่อลองยื่นให้ดู "กระดาษแผ่นหนึ่ง" ฟื้นจากโคม่าอย่างปาฏิหาริย์!
พ่อที่มักจะปฏิเสธลูกเสมอ : การวิจารณ์ลูกอยู่ตลอดเวลาทำให้ลูกขาดความมั่นใจ
มีคนหนึ่งเคยเล่าว่า ตั้งแต่เด็กๆ พ่อของเธอมักจะตำหนิว่าโง่อยู่เสมอ พ่อของเธอแทบไม่เคยชมเธอต่อหน้าคนอื่น แต่กลับมักพูดว่าเธอไม่เก่งเท่าลูกคนอื่น ครั้งหนึ่ง เมื่อเพื่อนของพ่อมาเยี่ยมและชมเธอว่าเป็นคนดีและขยันเรียน พ่อของเธอตอบกลับทันทีว่า "ไม่เป็นไรหรอก สมองของเธอยังไม่ดีพอ เธอคงไม่มีทางติดท็อปสามของห้องหรอก" ประโยคนั้นทำให้รอยยิ้มของเธอหายไป และความรู้สึกยินดีที่ได้รับคำชมจากคนอื่นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ตอนเลือกเรียนมหาวิทยาลัย เธออยากเรียนจิตวิทยา เพราะคิดว่าการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาเป็นอาชีพที่น่าสนใจมาก แต่พ่อของเธอคัดค้านอย่างหนัก โดยบอกว่าวิชาเอกนี้หางานยากและไม่มีอนาคต เขาบังคับให้เธอเลือกเรียนต่อด้านการศึกษา และในที่สุดเธอก็ได้เป็นครูในบ้านเกิด แม้ว่างานของเธอจะมั่นคง แต่เธอก็ไม่ได้มีความสุขอย่างแท้จริง และในใจเธอมักจะคิดว่าตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาๆ ไร้ความสามารถ การปฏิเสธของพ่อทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจ ทำให้เธอสงสัยในความสามารถของตัวเองอยู่เสมอ
พ่อที่ใช้ความรุนแรงในการสื่อสาร : การใช้กำลังบ่อยครั้งทำให้เด็กสูญเสียความกล้าหาญ
นักเขียน ฮารูกิ มูราคามิ เคยกล่าวไว้ว่า “ใครก็ตามที่ใช้ความรุนแรงกับครอบครัวของตนเอง ถือเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพอ่อนแอ” พ่อที่ใช้ความรุนแรงจะกลายเป็นฝันร้ายในวัยเด็กของเด็ก ทิ้งรอยแผลเป็นทั้งทางร่างกายและจิตใจไว้ตลอดกาล
ดังเช่น นักเรียนชายคนหนึ่งเคยเล่าไว้ว่า เขามีพ่อเป็นคนรุนแรงมาก หากไม่พอใจก็จะใช้มือและเท้าทำร้ายลูกทันที เมื่อสอบปลายภาควิชาคณิตศาสตร์ได้ไม่ดีนัก จึงไม่กล้ากลับบ้าน เมื่อกลับถึงบ้าน เขาต้องเผชิญหน้ากับสายตาอันเกรี้ยวกราดของพ่อทันที แก้มของเขาถูกตบจนเป็นรอย เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวมาหลายปี ไม่กล้าหวังความช่วยเหลือจากใคร นี่เป็นสัญญาณของภาวะอัมพาตทางอารมณ์ สูญเสียความกล้าที่จะต่อสู้กลับ
ท้ายที่สุด พ่อยังคงเป็นเสาหลักของลูก แต่หากเสานั้นอ่อนแอหรือผุพัง ก็จะถล่มทับชีวิตลูกโดยตรง กดทับชีวิตของลูกจนไม่อาจเติบโตได้
พ่อที่อารมณ์ไม่แน่นอน ขโมย “ความปลอดภัย” ของลูก
พ่อที่ชอบปฏิเสธลูก ทำลาย “ความมั่นใจ” ของลูก
พ่อที่ใช้ความรุนแรง ปล้นเอา “ความกล้าหาญ” ของลูกไป
ดังนั้น หากไม่อยากทำลายอนาคตลูก พ่อควรควบคุมอารมณ์ ละทิ้งความรุนแรง และพยายามเป็นที่พึ่งที่อบอุ่น เป็นพ่อที่นำความสุขมาให้ลูกในทุกวัน