เนื้อหาในหมวด ข่าว

ไม่ใช่แค่ยุงกัด! หมอเตือน “ชิคุนกุนยา” ติดต่อทางใดได้บ้าง ต่างจากไข้เลือดออกไหม?

ไม่ใช่แค่ยุงกัด! หมอเตือน “ชิคุนกุนยา” ติดต่อทางใดได้บ้าง ต่างจากไข้เลือดออกไหม?

“ชิคุนกุนย่า” โรคไวรัสระบาดในไทย หมอแม่เตือน! ปวดจนตัวงอ เสี่ยงแทรกซ้อนสูงในกลุ่มเปราะบาง

ช่วงนี้หลายจังหวัดในประเทศไทยกำลังเผชิญกับการ ระบาดของโรคชิคุนกุนย่า (Chikungunya) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มี “ยุงลาย” เป็นพาหะชนิดเดียวกับที่นำพาโรคไข้เลือดออก โดยอาการของโรคนี้มีความรุนแรงในกลุ่มเสี่ยง แม้จะไม่ถึงขั้นเสียชีวิตแต่ก็ไม่ควรมองข้าม

แพทย์หญิงพิศศรี คุ้มอนุวงศ์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “หมอแม่” จากเพจสุขภาพชื่อดัง Dr.Mom ได้ออกมาอธิบายผ่าน TikTok ถึงความน่ากังวลของโรคนี้ พร้อมให้ความรู้ที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับ “ชิคุนกุนย่า” ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษาคิมาคอนเด แปลว่า “ปวดจนตัวงอ” สื่อถึงอาการเด่นของโรคอย่างชัดเจน

อาการของโรคชิคุนกุนย่า

  • ไข้สูงเฉียบพลัน

  • ปวดข้อรุนแรง

  • มีผื่นขึ้นขณะยังมีไข้ (ต่างจากไข้เลือดออกที่ผื่นจะขึ้นหลังไข้ลด)

  • อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ

หมอแม่เตือนว่า แม้โรคนี้ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ และส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ แต่หากผู้ป่วยเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้มีโรคประจำตัว, ผู้สูงอายุ, หญิงตั้งครรภ์, เด็กเล็ก อาการอาจรุนแรงมากขึ้น และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

ชิคุนกุนย่า ติดต่อกันอย่างไร?

โรคนี้ ไม่ติดต่อจากคนสู่คนโดยตรง เช่น การสัมผัสหรือการพูดคุยใกล้ชิด แต่มี 2 กรณีที่สามารถ “ส่งต่อเชื้อ” ได้ คือ

  • การบริจาคเลือด: หากผู้มีเชื้อไปบริจาคเลือด ผู้รับเลือดก็อาจได้รับเชื้อตามไปด้วย

  • การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์

  • เนื่องจากพาหะของโรคคือยุงลาย ดังนั้น แนวทางการป้องกันที่ดีที่สุด จึงเป็นการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น กำจัดน้ำขังในภาชนะรอบบ้าน, ทายากันยุง, นอนในมุ้งหรือห้องที่มียากันยุง และใส่เสื้อผ้ามิดชิดในพื้นที่เสี่ยง

     

    ทั้งนี้  องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ถึงการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคชิคุนกุนย่าทั่วโลก โดยโรคนี้เคยถูกพบครั้งแรกในแทนซาเนีย ปี 1952 และตั้งแต่นั้นมาได้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ในหลายภูมิภาค รวมถึงแอฟริกา เอเชียใต้ และแม้กระทั่งยุโรป

    ในประเทศจีน ศูนย์ควบคุมโรคแห่งมณฑลกวางตุ้ง รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อชิคุนกุนย่ากว่า 4,800 รายภายในครึ่งปีแรกของปี 2025 ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ถึงแม้จะยังไม่พบผู้ป่วยอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต แต่สถานการณ์ก็ยังคงน่ากังวล ในขณะเดียวกัน ประเทศสิงคโปร์ ก็รายงานผู้ติดเชื้อแล้ว 17 ราย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งเป็นจำนวน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยเดินทางไปยังพื้นที่ระบาดมาก่อน

    ชิคุนกุนย่า VS ไข้เลือดออก

    ชิคุนกุนย่า เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนย่า (CHIKV) ซึ่งไม่สามารถแพร่จากคนสู่คนโดยตรงได้ แต่จะแพร่ผ่าน “ยุงลาย” ที่เป็นพาหะ ชนิดเดียวกับที่แพร่โรคไข้เลือดออก ยุงชนิดนี้มักกัดในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีกิจกรรมมากที่สุด

    อาการของโรคชิคุนกุนย่า มักเริ่มแสดงหลังถูกยุงติดเชื้อกัดประมาณ 4–8 วัน (อาจเร็วสุดที่ 2 วัน หรือช้าสุดที่ 12 วัน) โดยอาการหลัก ได้แก่

    • ไข้สูงเฉียบพลัน

    • ปวดข้อรุนแรง

    • ข้อแข็ง

    • ข้ออักเสบ

    • ปวดศีรษะ

    • อ่อนเพลีย

    • มีผื่นขึ้นตามร่างกาย

    แม้อาการของโรคนี้จะคล้ายกับไข้เลือดออกเด็งกี่ แต่อาการเด่นของชิคุนกุนย่าคือปวดและบวมตามข้อที่ชัดเจนกว่า ขณะที่ไข้เลือดออกจะมีอาการเลือดออกง่ายและรุนแรงมากกว่า

    อย่างไรก็ตาม ประชาชนไม่ควรวินิจฉัยโรคหรือรักษาตนเองที่บ้าน หากมีอาการต้องสงสัยว่าติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

    โรคชิคุนกุนย่าอาจไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการระบาดและสภาพอากาศเอื้อต่อการเพาะพันธุ์ของยุงลาย การตระหนักรู้ ป้องกัน และเฝ้าระวังอาการผิดปกติในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง