เนื้อหาในหมวด ข่าว

แม่สงสัย ลูกอยู่บ้านกินยาก แต่ไป รร.อนุบาล “กินเยอะ” รู้เหตุผลยิ่งอึ้ง ไม่ได้เกี่ยวกับเมนูอาหาร

แม่สงสัย ลูกอยู่บ้านกินยาก แต่ไป รร.อนุบาล “กินเยอะ” รู้เหตุผลยิ่งอึ้ง ไม่ได้เกี่ยวกับเมนูอาหาร

แม่ถึงกับอึ้ง ลูกแทบไม่แตะข้าวที่บ้าน ต้องเหนื่อยหาสารพัดวิธีหลอกล่อ แต่ที่โรงเรียนกลับกินเก่งจนน่าตกใจ หมดจานแบบไม่ต้องป้อน เป็นเพราะอะไร?!

คุณแม่ชาวจีนชื่อว่า “คุณมี่ซวน” ต้องปวดหัวกับพฤติกรรมเลือกกินของลูกชายที่บ้าน ถึงขั้นต้องลองเปลี่ยนสูตรอาหารนับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าปรุงแบบไหน เด็กชายก็กินได้เพียงนิดเดียว หรือแทบไม่แตะเลย แต่สิ่งที่ทำให้คุณแม่แปลกใจคือ หลังจากลูกไปเข้าเรียนอนุบาลได้สักพัก เขากลับดูมีน้ำมีนวลขึ้น สูงขึ้น แถมท่าทางเจริญอาหารมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มแชตของผู้ปกครอง ครูประจำชั้นมักส่งภาพเด็กๆ ตอนรับประทานอาหารกลางวันมาให้ดูอยู่เสมอ และทุกครั้งลูกชายของเธอก็กินอาหารจนหมดเกลี้ยง แถมดูมีความสุขมากด้วย ซึ่งต่างจากพฤติกรรมที่บ้านโดยสิ้นเชิง คุณแม่เริ่มตั้งคำถามในใจว่า อาหารในโรงเรียนมีอะไรพิเศษ? หรือแม่ครัวใส่ผงชูรสมากเกินไปจนเด็กกินเก่งขึ้น?

ตแม้จะลองถามคุณครูหลายครั้ง ก็ได้รับเพียงคำตอบแบบเดิมทุกครั้งว่า "น้องกินเก่งมากค่ะ" กระทั่งเมื่อโรงเรียนได้จัดกิจกรรม “เปิดบ้าน” ให้ผู้ปกครองเข้ามาร่วมเรียนรู้และใช้ชีวิตกับเด็กๆ หนึ่งวัน และวันนั้นเอง คุณแม่ก็ได้รู้ความจริง...

ทำไมเด็กกินเก่งขึ้นเมื่อไปโรงเรียน? จากประสบการณ์ตรงของคุณแม่ในวันนั้น ทำให้เธอเข้าใจว่า สาเหตุที่ลูกกินเก่งขึ้นเมื่อไปเรียน อาจไม่ได้มาจากรสชาติอาหารเพียงอย่างเดียว แต่มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ ส่งผลต่อพฤติกรรมการกินของเด็กๆ ดังนี้

1. เด็กได้ออกกำลังกายและใช้พลังงานมากขึ้น

ที่บ้าน เด็กมักไม่มีพื้นที่ให้วิ่งเล่นมากนัก แถมยังใช้เวลาไปกับหน้าจอมือถือหรือแท็บเล็ต พอไม่เหนื่อย ก็เลยไม่หิว แต่ที่โรงเรียนเด็กๆ จะมีกิจกรรมเคลื่อนไหวทั้งเช้าและบ่าย เล่นเกม วิ่งเล่นตามสนาม และใช้พลังงานจำนวนมาก จึงหิวง่าย และกินข้าวได้เยอะขึ้น

2. ไม่มีของว่างมากวนใจ

แม้โรงเรียนจะมีขนมช่วงว่าง แต่ก็มีกำหนดเวลาแน่นอน แตกต่างจากที่บ้านที่ของว่างเต็มตู้เย็น หิวเมื่อไรก็กินได้ ทำให้เด็กไม่รู้จักความหิวจริงๆ

3. สิ่งแวดล้อมเอื้อต่อการกิน

ที่โรงเรียน ไม่มีโทรทัศน์ หรือของเล่นอยู่ตรงหน้า เด็ก ๆ จึงโฟกัสกับอาหารตรงหน้าได้มากกว่า ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีใครตามตื๊อให้กิน เด็กจะเรียนรู้ว่า ถ้าพลาดมื้อนี้ ต้องรออีกทีมื้อถัดไป ต่างจากที่บ้านที่พ่อแม่มักตามตื้อให้กินให้ได้ ทำให้เด็กรู้ว่าไม่กินก็ได้ ยังไงพ่อแม่ก็จะตามมา

4. “เอฟเฟกต์ลูกหมูในคอก” กินแข่งกัน!

เมื่อเด็กหลายคนมานั่งกินพร้อมกัน เด็กบางคนจะเกิดแรงกระตุ้น อยากกินให้เร็วหรือเยอะกว่าคนอื่น เพื่อให้ได้รับคำชมจากคุณครู หรือเพื่อนๆ ทำให้เกิดพฤติกรรม “กินแข่งกัน” โดยธรรมชาติ และนั่นช่วยให้เด็กบางคนกินได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ไม่ใช่แค่อาหาร แต่ “บรรยากาศและระบบ” ก็สำคัญ! จากเหตุการณ์นี้ คุณแม่มี่ซวนได้เรียนรู้ว่า การที่ลูกกินน้อยที่บ้าน ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นเด็กกินยากจริงๆ แต่สิ่งแวดล้อม วิธีเลี้ยงดู และพฤติกรรมของผู้ใหญ่รอบตัวต่างหากที่มีอิทธิพลต่อความอยากอาหารของเด็ก

ดังนั้น หากผู้ปกครองอยากให้ลูกกินดีที่บ้าน ลองปรับเปลี่ยนบรรยากาศให้เหมือนโรงเรียนบ้าง เช่น มีตารางเวลาชัดเจน, ไม่เปิดทีวีหรือให้เล่นของเล่นระหว่างกิน, ไม่ตื๊อเด็กให้กิน, ให้เด็กออกกำลังกายก่อนกินอาหาร อาจทำให้ “เจ้าตัวเล็ก” เปลี่ยนพฤติกรรมจากเด็กกินยาก กลายเป็นเด็กที่ “กินข้าวเก่งเหมือนอยู่โรงเรียน” ก็เป็นได้

 

ช็อตที่กลายเป็นไวรัล หนูน้อย \

ช็อตที่กลายเป็นไวรัล หนูน้อย "โชว์ชามข้าว" จ่อแทบชิดหน้าครู รู้ให้ดูอะไรชนะใจทั้งโซเชียล!

วินาทีที่กลายเป็นไวรัล.... ทำไมฉากเด็กชาย "ยกชามข้าว" ให้คุณครูดู ถึงกลายเป็นโมเมนต์ฮิตบนโซเชียล?

แม่ทำงานยุ่ง ดูกล้องในห้องเรียนอนุบาลของลูก ถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นการกระทำของครู

แม่ทำงานยุ่ง ดูกล้องในห้องเรียนอนุบาลของลูก ถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นการกระทำของครู

แม่วุ่นกับงาน แอบดูกล้องวงจรปิดในห้องเรียนเด็กอนุบาล ก่อนน้ำตาไหลเมื่อเห็นพฤติกรรมของครู

ทำอะไรกัน?! ส่งรูปเข้ากลุ่มผู้ปกครอง เด็กๆ \

ทำอะไรกัน?! ส่งรูปเข้ากลุ่มผู้ปกครอง เด็กๆ "ชูมือ" ตอนนอนกลางวัน รู้เฉลยแห่ยกย่องคุณครู

ครูอนุบาล ส่งคลิปช่วงนอนกลางวันของเด็กๆ ลงกลุ่มไลน์ผู้ปกครอง เจอช็อตน่าเอ็นดูจนพ่อแม่ใจละลาย!

แม่ร้องไห้ทั้งคืน เปิดกล้อง รร.อนุบาล เห็นจะๆ ลูกถูกเลือกปฏิบัติ ใครดูก็สงสารเกินบรรยาย

แม่ร้องไห้ทั้งคืน เปิดกล้อง รร.อนุบาล เห็นจะๆ ลูกถูกเลือกปฏิบัติ ใครดูก็สงสารเกินบรรยาย

“แม่จ๋า วันนี้ครูไม่ให้หนูกินข้าวเลย” ดูจบน้ำตาไหลทั้งคืน ลูกสาว 3 ขวบถูกครูเพิกเฉย นั่งรออาหารอย่างโดดเดี่ยว ชาวเน็ตเห็นแล้วสงสารเกินบรรยาย

เพิ่งเคยได้ยิน! ครูชี้ ไม่ใช่การดูดวง แต่ดู \

เพิ่งเคยได้ยิน! ครูชี้ ไม่ใช่การดูดวง แต่ดู "ทรงผม" ของนักเรียน ก็รู้ได้อนาคตจะสุขหรือทุกข์?

ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ ครูประสบการณ์ 25 ปี เผยความลับ “ดูผมเด็กหญิง” รู้อนาคตชีวิตได้ทันที