
ไตกลายเป็นหิน ต้องตัดทิ้ง 1 ข้าง หมอเผยสาเหตุคาดไม่ถึง ไม่ได้มาจากอาหาร
ผู้หญิงรายหนึ่งมีอาการผิดปกติ ตรวจพบไต “กลายเป็นหิน” สูญเสียการทำงานทั้งหมด
เมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อน นางไม อายุ 57 ปี อาศัยอยู่ที่ดานัง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บปวดบริเวณเอว ผลการตรวจพบว่าไตข้างขวาของเธอมีภาวะไตบวมน้ำระดับ 4 ร่วมกับมีหนองในกรวยไต
นพ.เฉา วินห์ ซุย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ ศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ไต และผู้ชาย โรงพยาบาลเอกชนตามแอ๋ง โฮจิมินห์ ระบุว่า ภาพถ่าย CT scan แสดงให้เห็นว่าไตข้างขวาทั้งหมดมีภาวะหินปูนเกาะจนขาวโพลน หรือที่เรียกว่า “ไตกลายเป็นหิน” และไม่ดูดซึมสารทึบรังสี ซึ่งเป็นสัญญาณว่าไตข้างนั้นได้สูญเสียการทำงานทั้งหมดแล้ว
แพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยอาจเป็น วัณโรคไตเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ไตเสื่อมจนไม่สามารถทำงานได้ วิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุดคือการผ่าตัดนำไตข้างขวาที่เสียหายออกทั้งหมด พร้อมส่งชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง
ผู้ป่วยจึงได้รับการผ่าตัดส่องกล้องเอาไตขวาที่ “กลายเป็นหิน” ออก ระหว่างการผ่าตัด ทีมแพทย์พบว่าไตมีลักษณะผิดปกติ ขรุขระ ภายในมีหนองสีเหลือง หลอดเลือดแดงของไตฝ่อลีบ ไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงได้อีกต่อไป
ไตที่ถูกนำออกไปตรวจทางพยาธิวิทยาพบว่า เนื้อเยื่อไตเกิดการตายแบบเนื้อร่วน (caseous necrosis) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรควัณโรคไต
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยยังคงต้องรับการรักษาด้วยยาต้านวัณโรค และตรวจติดตามเป็นระยะเพื่อประเมินการทำงานของไตที่เหลืออยู่ รวมทั้งป้องกันการกลับมาของเชื้อวัณโรคในร่างกาย
วัณโรคไต “เพชฌฆาตเงียบ” ของระบบทางเดินปัสสาวะ
ตามข้อมูลจากแพทย์ วัณโรคไตเป็นหนึ่งในรูปแบบของวัณโรคนอกปอด เกิดจากเชื้อวัณโรคแพร่กระจายจากปอดผ่านกระแสเลือดไปยังไต เมื่อเข้าสู่ไต เชื้อจะก่อให้เกิดการอักเสบ การตายของเนื้อไตแบบเนื้อร่วน อาจทำให้ไตเกิดการบวมน้ำ โครงสร้างเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลง และสูญเสียการทำงานไปทีละน้อย
หลายกรณีโรคดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ โดยมีอาการเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลัง ปัสสาวะแสบขัด หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ อาการเหล่านี้มักถูกละเลยหรือสับสนกับโรคอื่น
เมื่อโรคลุกลามรุนแรงและไตถูกทำลายอย่างหนัก การรักษาด้วยยาต้านวัณโรคเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ผลอีกต่อไป แพทย์จึงจำเป็นต้องผ่าตัดเอาไตบางส่วนหรือทั้งข้างออก
กรณีของนางไมเป็นตัวอย่างชัดเจน ไตถูกหินปูนเกาะจนกลายเป็นสีขาวทั้งข้าง หากไม่ผ่าตัดออกทันเวลาอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
การรักษาวัณโรคไตโดยทั่วไปจะใช้ยาปฏิชีวนะต้านวัณโรคร่วมกันหลายชนิด เพื่อกำจัดเชื้อและป้องกันการดื้อยา ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือน
การป้องกันและตรวจพบวัณโรคไตตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
นพ.ซุย เน้นย้ำว่า การควบคุมวัณโรคปอดเป็นมาตรการสำคัญที่สุดในการป้องกันวัณโรคไต เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะแรกที่เชื้อวัณโรคจะโจมตี หากไม่ควบคุม วัณโรคสามารถแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปยังไตและอวัยวะอื่น ๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะได้
เพื่อการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรก ประชาชนไม่ควรมองข้ามอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะแสบขัด หรือปวดเอวและหลัง เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไต รวมถึงวัณโรคไตด้วย
แพทย์แนะนำว่าหากมีอาการผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย เช่น การตรวจชิ้นเนื้อ การตรวจปัสสาวะ การเอกซเรย์ การอัลตราซาวนด์ CT scan หรือ MRI การตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาไตให้คงอยู่ ลดความเสี่ยงที่ไตจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน