เนื้อหาในหมวด ข่าว

ร่างกาย 2 ส่วน ไขมันเยอะแล้วดี อย่าเพิ่งไม่มั่นใจว่าไม่สวย แท้จริงช่วยปกป้องหัวใจ

ร่างกาย 2 ส่วน ไขมันเยอะแล้วดี อย่าเพิ่งไม่มั่นใจว่าไม่สวย แท้จริงช่วยปกป้องหัวใจ

2 ส่วนของร่างกาย ยิ่งไขมันสะสมเยอะยิ่งดี ชะลอความเสื่อมของหัวใจ แต่คนส่วนมาก "ใหญ่" แล้วไม่มั่นใจ 

ทุกคนล้วนอยากมีรูปร่างเพรียวบาง ปราศจากไขมันส่วนเกิน แต่ความจริงแล้ว การมีไขมันใน 2 ตำแหน่งของร่างกายนี้กลับเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก

ไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้องกับไขมันที่สะสมบริเวณต้นขา-สะโพก แท้จริงแล้วให้ผลตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง ด้านหนึ่งแฝงความเสี่ยงโรคร้าย อีกด้านกลับทำหน้าที่เสมือน “เกราะป้องกัน” สุขภาพ และยังช่วยชะลอความเสื่อมของระบบหัวใจและหลอดเลือด

งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน วารสารโรคหัวใจแห่งยุโรป อ้างอิงข้อมูลจากอาสาสมัครกว่า 21,000 คนจาก Biobank ของสหราชอาณาจักร พบว่า ไขมันในช่องท้อง ไขมันตับ และไขมันแทรกในกล้ามเนื้อ เป็นปัจจัยที่เร่งให้หัวใจแก่เร็วขึ้น และเป็นตัวพยากรณ์อันตรายที่สุด

ตรงกันข้าม สำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะก่อนวัยหมดประจำเดือน การมีไขมันสะสมที่ ต้นขาและสะโพก กลับสัมพันธ์กับการชะลอความเสื่อมของหัวใจ ตัวเลขชี้ว่า ไขมันในช่องท้องเพิ่มขึ้น 1 ลิตร ทำให้หัวใจแก่เร็วขึ้น 0.66 ปี แต่ไขมันต้นขา-สะโพกเพิ่ม 1 กิโลกรัม ช่วยชะลอความเสื่อมของหัวใจได้ราว 0.5 ปี

 

รูปร่าง “ลูกแพร์” ที่ไขมันสะโพกและต้นขา จะช่วยปกป้องหัวใจจากการแก่เร็ว การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมบ่งชี้ว่าไขมันรอบสะโพก-ต้นขาของผู้หญิงอาจลดการแก่ของหัวใจเชิงสาเหตุ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงในผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือนก็เสริมการปกป้องนี้

งานวิจัยอีกชิ้นใน British Medical Journal (BMJ) ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 2.5 ล้านคน พบแนวโน้มคล้ายกัน:

  • รอบเอวเพิ่ม 10 ซม. ความเสี่ยงเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเพิ่ม 11%

  • รอบต้นขาใหญ่ขึ้น 5 ซม. ความเสี่ยงลดลง 18%

  • รอบสะโพกเพิ่ม 10 ซม. ความเสี่ยงลดลง 10%

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition in Clinical Practice ปี 2021 พบว่า

  • ผู้ที่มีต้นขาใหญ่ (เส้นรอบต้นขาเกิน 56.7 ซม.) มี "เทโลเมียร์" ยาวกว่าคนที่ขาเล็ก (ต่ำกว่า 48.1 ซม.) เทโลเมียร์ที่ยาวกว่า คือสัญญาณของอายุที่ยืนยาว
  • คนที่ต้นขาใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุต่ำกว่าถึง 43%

และกล้ามเนื้อต้นขายังช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ดี งานวิจัยจากวารสาร European Journal of Preventive Cardiology ปี 2023 ยังระบุว่า กล้ามขาที่แข็งแรงลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลวได้

ทำไมไขมันหน้าท้อง “อันตราย” แต่ไขมันสะโพก-ต้นขากลับ “ดี”?

ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย Central South (จีน) อธิบายว่า รอบเอวเกินเกณฑ์เป็นสัญญาณของไขมันหน้าท้องและไขมันในช่องท้อง ซึ่งกดดันระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายโต และกระตุ้นการอุดตันของเส้นเลือดแดง อีกทั้งเซลล์ไขมันหน้าท้องยังปล่อยสารก่อการอักเสบ ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินและกลุ่มอาการเมตาบอลิก

ในทางกลับกัน งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Shanghai Jiao Tong พบว่า คนอ้วนที่มีต้นขาใหญ่กลับมีโอกาสความดันโลหิตสูงน้อยลง และรักษาระดับคอเลสเตอรอลดี ไตรกลีเซอไรด์ และอินซูลินได้เสถียรกว่า โดยเฉพาะไขมันสะโพกยังช่วยลดความเสี่ยงเบาหวานชนิดที่ 2 ผ่านการทำงานของยีนและฮอร์โมน vaspin ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำตาลในเลือด

จะมี “รูปร่างอายุยืน” ได้อย่างไร?

แพทย์จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยปักกิ่งแนะนำว่า:

  • รอบเอวผู้ชายควรต่ำกว่า 90 ซม. ผู้หญิงต่ำกว่า 85 ซม.

  • หากรอบเอวอยู่ในเกณฑ์ แต่มีไขมันสะสมเพิ่มที่ต้นขา–สะโพก ถือเป็นข้อดีต่อสุขภาพ

  • แต่ถ้ารอบเอวเกินเกณฑ์ ต้องเร่งลดก่อนเป็นอันดับแรก

แนวทางดูแลร่างกายที่แนะนำ:

  • อย่านั่งต่อเนื่องเกิน 1 ชั่วโมง ควรลุกเดินหรือลองทำท่าสควอตเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อต้นขา–สะโพก

  • ฝึกท่า “glute bridge” (ยกสะโพก) หรือ “donkey kick” (เตะขาหลัง) เพื่อเสริมความแข็งแรง

  • หลังอายุ 30 ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผสมผสานแอโรบิกกับเวทเทรนนิ่งเพื่อควบคุมไขมันหน้าท้อง

  • รักษาอาหารพอเหมาะ หลีกเลี่ยงของหวาน ของมัน กินแค่ประมาณ 70% ของความอิ่ม

กล่าวได้ว่า ไขมันหน้าท้องคือศัตรูของสุขภาพ ในขณะที่ ต้นขาแข็งแรงและสะโพกเต็มสัดส่วน กลับเป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน และยืดอายุขัย

ไม่ใช่พุง! หมอเผยจุดแรกที่ร่างกายเริ่มสะสมไขมัน เป็น \

ไม่ใช่พุง! หมอเผยจุดแรกที่ร่างกายเริ่มสะสมไขมัน เป็น "อวัยวะ" ที่หลายคนคาดไม่ถึง

หมอเมืองนอกเผย จุดแรกที่ร่างกายเริ่มสะสมไขมันไม่ใช่ที่ท้อง แต่แท้จริงแล้วคืออวัยวะส่วนนี้ ซึ่งยังทำให้เกิดผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึง