9 นายกรัฐมนตรีไทย "อายุยืนที่สุด" บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ที่อายุเกิน 90 ปี

04/09/2025 (12:30 น.)

9 นายกรัฐมนตรีไทย "อายุยืนที่สุด" บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่มีอายุเกิน 90 ปี 

บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยเหล่านี้ ผ่านทั้งเหตุการณ์สงคราม ความขัดแย้งทางการเมือง และวิกฤติสำคัญของประเทศ แต่ละคนยังคงถูกจดจำในฐานะผู้นำที่มีบทบาทสำคัญต่อทิศทางการเมืองและพัฒนาการของประเทศไทย

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

26 สิงหาคม พ.ศ. 2463 – 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 (อายุ 98 ปี)

นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 (พ.ศ. 2523–2531) เป็นทั้งทหาร นักการเมือง และรัฐบุรุษที่มีบทบาทสำคัญต่อประเทศไทย หลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี และเพียงไม่กี่วันถัดมา ก็ได้รับการยกย่องเป็นรัฐบุรุษ ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 ยังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี

หนึ่งในบทบาทสำคัญที่สุดของเขา คือการปฏิบัติหน้าที่ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ระหว่างการเปลี่ยนรัชกาลในปี พ.ศ. 2559 นับเป็นผู้นำที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์การเมืองและสถาบันกษัตริย์ไทยมานานกว่าครึ่งศตวรรษ

ธานินทร์ กรัยวิเชียร

5 เมษายน พ.ศ. 2470 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 (อายุ 97 ปี)

ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนักกฎหมายและนักการเมืองผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมืองไทย เคยดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2519–2520 ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี และในปี พ.ศ. 2559 ยังได้รับมอบหมายให้ ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานองคมนตรี อีกด้วย

พจน์ สารสิน

25 มีนาคม พ.ศ. 2448 – 28 กันยายน พ.ศ. 2543 (อายุ 95 ปี)

พจน์ สารสิน เป็นนักการเมืองและนักการทูตผู้มีบทบาทสำคัญ เป็น นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 9 ของไทย ดำรงตำแหน่ง 21 กันยายน พ.ศ. 2500 – 1 มกราคม พ.ศ. 2501 (3 เดือน 11 วัน) เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการรับรองรัฐบาลจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย แห่งเวียดนามใต้ ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็น เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา และยังเคยดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น

ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์

5 เมษายน พ.ศ. 2450 – 6 มกราคม พ.ศ. 2545 (94 ปี)

สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนักกฎหมายและนักการเมืองผู้ทรงคุณวุฒิของไทย เคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายด้าน อาทิ ประธานศาลฎีกา, คณบดีคณะนิติศาสตร์ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปลัดกระทรวงยุติธรรม, กรรมการข้าราชการพลเรือนผู้ทรงคุณวุฒิ, ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ

ต่อมา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 12 แทนจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ลาออกเนื่องจากเหตุการณ์ 14 ตุลา โดยดำรงตำแหน่งระหว่าง 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 – 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 รวมระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน หลังพ้นตำแหน่งยังได้รับพระราชทานแต่งตั้งให้เป็น ประธานองคมนตรี

พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ

15 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 (อายุ 93 ปี ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่)

พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นทหารและนักการเมืองไทย เคยดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก, รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้เป็น นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 22

ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่าง 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 รวมระยะเวลาเกือบ 1 ปี โดยเป็นผู้นำรัฐบาลช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง และตัดสินใจลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น

อานันท์ ปันยารชุน

9 สิงหาคม พ.ศ. 2475 (อายุ 93 ปี ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่)

อานันท์ ปันยารชุน เป็นนักการเมือง ข้าราชการ และนักการทูตชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา และ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 18 ในช่วงปี พ.ศ. 2534–2535 ระหว่างที่ประเทศไทยเผชิญความผันผวนทางการเมือง เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535

• ดำรงตำแหน่งครั้งที่ 1: 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 – 22 มีนาคม พ.ศ. 2535

• ดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2: 10 มิถุนายน – 23 กันยายน พ.ศ. 2535

ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อานันท์ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ และดำรงตำแหน่งสำคัญหลายด้าน มีบทบาทในการผลักดันการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมไทย

นอกจากนี้ ยังเป็นอดีตประธานสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก (ABAC) และมีบทบาทโดดเด่นในเวทีระหว่างประเทศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำทางความคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช

26 พฤษภาคม พ.ศ. 2448 – 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 (อายุ 92 ปี)

หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เป็นโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง ปราโมช ณ อยุธยา นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 6 ดำรงตำแหน่ง 17 กันยายน พ.ศ. 2488 – 31 มกราคม พ.ศ. 2489 (4 เดือน 14 วัน) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง-อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเข้าสู่วงการเมือง เคยเป็นผู้พิพากษา และดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา 

จอมพลถนอม กิตติขจร

11 สิงหาคม พ.ศ. 2454 – 16 มิถุนายน พ.ศ. 2547 (อายุ 92 ปี)

จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นทหารบกและนักการเมืองชาวไทย นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 10 ระหว่างดำรงตำแหน่งเคยก่อรัฐประหารตัวเองใน พ.ศ. 2514 ต่อมาปี 2516 เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นการชุมนุมโดยนักศึกษาและประชาชนจำนวนมหาศาล ที่ออกมาร่วมเดินขบวนไล่รัฐบาลของจอมพลถนอม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยบนถนนราชดำเนิน ทำให้ต้องลาออก ต่อมาได้หนีออกนอกประเทศ พร้อมกับจอมพล ประภาส จารุเสถียร และบุตรชาย พันเอก ณรงค์ กิตติขจร

หลังกลับประเทศได้บวชเป็นพระภิกษุ เหตุการณ์นี้เป็นชนวนให้เกิดการขับไล่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519 

จอมพล ถนอม กิตติขจร เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย (รวมในสมัยเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติตัวเองด้วยเป็นสมัยที่ 3) ดำรงตำแหน่งสมัยแรก เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 แต่หลังบริหารประเทศแค่ 9 เดือนเศษ ก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 - 4 หลังจาก จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงแก่อสัญกรรม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจอมพล ถนอม จึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการทหาร

พลเอกสุจินดา คราประยูร

6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 – 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568 (อายุ 91 ปี)

พลเอก สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 19 ดำรงตำแหน่ง 7 เมษายน พ.ศ. 2535 – 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 (1 เดือน 17 วัน)

เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเป็นอดีตรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งก่อรัฐประหารใน พ.ศ. 2534 

เป็นเจ้าของวลี "เสียสัตย์เพื่อชาติ" เพราะเคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในช่วงดำรงตำแหน่ง เขาแต่งตั้งพลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายภรรยา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงเกิดกระแสคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง จนนำไปสู่เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ระหว่างวันที่ 17–20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535