เนื้อหาในหมวด ข่าว

9 วันในขุมนรก \

9 วันในขุมนรก "กลุ่มชิจอน" เหยื่อสาวรอดคนเดียว เพราะ 1 สมาชิกหนุ่มขัดคำสั่งฆ่า ช่วยหนี!

9 วันแห่งความทรมาน ของหญิงสาวผู้ตกเป็น "เหยื่อ" กลุ่มอาชญากรรม คดีสะเทือนขวัญเกาหลียุค 1990 ตั้งแต่การลักพาตัว ข่มขืน ไปจนถึงฆาตกรรม

ในช่วงทศวรรษ 1990 เกาหลีใต้มีการก่อตั้งกลุ่มอาชญากรรมที่เกลียดชังชนชั้นร่ำรวย โดยพวกเขาก่อเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดกลัว ตั้งแต่การลักพาตัว ข่มขืน ไปจนถึงฆาตกรรม

ที่มาของกลุ่มชื่อ “ชิจอน” และสังคมที่วุ่นวายในยุคนั้น

ตั้งแต่เปิดตัวกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สารคดี The Echoes of Survivors: Inside Korea’s Tragedies ได้สร้างความสะเทือนใจด้วยการเจาะลึกเหตุการณ์อาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเกาหลีใต้

ในตอนที่ 5 และ 6 จะพูดถึงคดีของกลุ่ม “ชิจอน” ชื่อจริงของกลุ่มคือ Chijon Family หรือ Jijon Gang (지존파) ก่อตั้งในปี 1993 โดย คิมกีฮวาน (Kim Gi‑hwan) อายุประมาณ 27 ปี เป็นผู้เคยติดคุก และคำว่า “ชิจอน” ก็เป็นคำโปรดของเขาจากหนังจีนเรื่องหนึ่ง แปลว่า “สูงสุด” หรือ “ล้ำเลิศ”

ในเวลานั้น เกาหลีใต้ประสบปัญหาความไม่เป็นธรรมทางสังคม มีข่าวการทุจริตในการสอบเข้าเรียน รวมถึงคนรวยใช้เงินซื้อที่นั่งเรียนมหาวิทยาลัย นักเรียนที่ไปเรียนต่างประเทศมักขับรถหรูและใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อในผับหรู ทำให้ผู้ยากไร้รู้สึกหมดหวังและโกรธแค้น

เดือนมิถุนายน 1993 ขณะคิมกีฮวานนั่งเล่นพนันกับเพื่อนร่วมชาติกังดงอึน เขาชวนตั้งกลุ่มอาชญากรรมเพื่อ “แก้แค้นชีวิต” ด้วยการปล้นคนรวย คำพูดของคิมคือ “โลกนี้ไม่ยุติธรรม เอาเงินจากคนรวยมา” กังดงอึนถูกชักชวนทันที และเชื่อมโยงคิมกีฮวานกับเพื่อนเก่าจากคุก รวมทั้งหมด 7 คนเข้าร่วม

การวมตัวของผู้ที่มีความแค้นต่อชนชั้นร่ำรวยในสังคมเกิดขึ้นมา โดยเชื่อว่าสังคมแบ่งชนชั้นทำให้พวกเขาต้องอยู่ในความยากจน สมาชิกประมาณ 6–8 คน เป็นอดีตนักโทษหรือคนยากจน อายุเฉลี่ยประมาณต้นยี่สิบ

เป้าหมายคือก่ออาชญากรรมต่อผู้ที่พวกเขา “มองว่าเป็นคนรวย” ด้วยแรงแค้นต่อความไม่เป็นธรรมทางสังคม เช่น ข่าวทุจริตสอบเข้ามหาวิทยาลัย

กฎเหล็ก 4 ข้อของกลุ่มชิจอน และวิธีการก่ออาชญากรรม

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า อายุเฉลี่ยของกลุ่มนี้อยู่ที่ 21.5 ปี คิมกีฮวานอายุ 27 ปี เป็นผู้ใหญ่ที่สุด และสมาชิกอายุน้อยที่สุดเพียง 18 ปี ทุกคนมาจากครอบครัวยากจน ทำงานหนัก อาชญากรรมของพวกเขาใช้วิธีลักพาตัวคนรวย เรียกค่าไถ่ ฆ่าปิดปาก และแม้แต่ “กินซากศพ” เพื่อเสริมความกล้าหาญ

กลุ่มนี้มีหลักการ 4 ข้อ คือเกลียดคนรวย, ก่อเหตุจนได้เงินหนึ่งพันล้านวอน, ตามล่า “ผู้ทรยศ” จนถึงที่สุด และไม่ไว้ใจผู้หญิงแม้แต่แม่ตัวเอง

“ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนใหญ่เกินไป คนรวยดูถูกคนจน คนจนก็จนต่อไป ผมแค่เกลียดที่ฆ่าไม่หมด” คิมฮยอนยังกล่าวตอนถูกจับ

เหยื่อและเหตุการณ์อันโหดร้าย

แม้จะเกลียดคนรวย แต่เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง เช่น หญิงสาวชื่อโชอี ลูกสาวชาวนา ถูกใช้เป็น “แบบฝึกหัด” ของกลุ่ม

ในเดือนกรกฎาคม 1993 โชอีถูกลักพาตัวและถูกข่มขืนเป็นกลุ่มในที่ลับ ก่อนจะถูกคิมกีฮวานทำร้ายและฆ่าด้วยการบีบคอ ศพถูกฝังในป่า จนกระทั่งกลุ่มถูกจับ ศพนี้จึงถูกพบ เป็นเหยื่อที่คิมกีฮวานฆ่าเอง ส่วนครั้งต่อไปสั่งให้ลูกน้องทำแทน

เหยื่อถัดมาคือสมาชิกในกลุ่มที่พยายามหนีด้วยเงิน 3 ล้านวอน แต่ถูกล่อกลับและถูกฆ่าตาย

ไม่เพียงเท่านั้น แต่กลุ่มนี้ยังฆ่านักดนตรีร้านเหล้า โดยทำให้เมาและใช้ถุงพลาสติกบีบคอ จากนั้นสร้างฉากปลอมเป็นอุบัติเหตุรถตกเขาเพื่อหลอกตำรวจ

เหยื่อสองคนสุดท้ายคือสามีภรรยาที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ถูกเรียกค่าไถ่ 80 ล้านวอน แต่ถูกยิงจนเสียชีวิตในสภาพมึนเมา และร่างถูกแยกชิ้นส่วนเผาในเตาเผาที่ฐานทัพ จนพบกระโหลกสองชิ้นในกองเถ้า

เหยื่อรอดชีวิตเพียงคนเดียว

สารคดีเล่าเรื่อง 9 วันอันน่าสะพรึงกลัวของอีฮโยจิน เหยื่อรอดชีวิตเดียวของกลุ่มชิจอน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการจับกุมกลุ่มนี้

ปี 1994 อีฮโยจิน อายุ 27 ปี ทำงานพาร์ตไทม์ในร้านอาหาร รู้จักกับนักดนตรีที่เล่นดนตรีในร้านเหล้า และมักไปเที่ยวด้วยกันในรถเก่าของนักดนตรี กระทั่งคืนหนึ่งเดือนกันยายน ขณะเดินเล่นทั้งคู่ถูกกลุ่มคนโจมตีและจับตัวไปขังในห้องใต้ดินที่ถูกล้อมด้วยเหล็กดัดเหมือนคุก

กลุ่มตั้งค่าไถ่ 30 ล้านวอนต่อคน แต่ทั้งคู่ไม่มีเงิน กลุ่มผิดหวังเพราะคิดว่าเหยื่อรวยจากรถหรู ที่แท้จริงคือรถมือสองราคาถูก หลังจากนั้น อีฮโยจินถูกข่มขืนซ้ำๆ โดยสมาชิกกลุ่มที่สลับกัน

ผ่านไปหนึ่งวัน คิมฮยอนยาง สมาชิกกลุ่มผู้มีบทบาทสำคัญในตอนลักพาตัว ได้เข้ามาพูดกับอีฮโยจิน เนื่องจากกลุ่มมีความเห็นต่างเรื่องการจัดการเธอ บางคนอยากฆ่า แต่คิมฮยอนยังอยากเก็บชีวิตเธอไว้ โดยขอให้เธอฆ่านักดนตรีเพื่อนของตัวเอง

แม้อีฮโยจินปฏิเสธ แต่ถูกบังคับใช้ถุงพลาสติกบีบคอเพื่อฆ่านักดนตรีที่ถูกทำให้เมาจนหมดสติ แต่เรื่องไม่จบเพียงเท่านั้น คิมฮยอนยางยังข่มขู่อีฮโยจินให้ฆ่าคู่สามีภรรยาเจ้าของกิจการเล็กๆ ด้วยปืน

ความสัมพันธ์ซับซ้อน "เหยื่อ" กับ "อาชญากร" ผู้ช่วยหลบหนี

แม้เวลาสั้นๆ แต่คิมฮยอนยางดูเหมือนมีความรู้สึกพิเศษต่ออีฮโยจิน และปกป้องเธอจากสมาชิกกลุ่ม แม้กระทั่งขัดคำสั่งของคิมกีฮวาน หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อตั้ง ซึ่งขณะนั้นถูกจับเข้าคุกอีกครั้งจากคดีอื่น โดยไม่ได้ถูกเปิดโปงว่าเป็นหัวหน้าชิจอน จึงส่งคำสั่งออกมา ให้สมาชิกที่อยู่นอกเรือนจำทำตาม เช่น สั่งให้ฆ่าอีฮโยจิน

อีฮโยจินเล่าว่า คิมฮยอนยางเคยแสดงความรู้สึกผิด เสียใจ และอยากหนีไปด้วยกัน แต่สุดท้ายกลัวการถูกล้างแค้นและสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัว

เมื่อคิมกีฮวานสั่งให้ฆ่าอีฮโยจินก่อนเขาจะพ้นโทษ คิมฮยอนยางยังกลับฝ่าฝืนคำสั่ง และช่วยเธอหนีไปโรงพยาบาล ก่อนจะบอกให้เธอวิ่งหนีเอาชีวิตรอด หลังจากนั้นอีฮโยจินไปแจ้งตำรวจที่กรุงโซล และไม่กี่วันต่อมา สมาชิกกลุ่มถูกจับกุมทั้งหมด 

ตำรวจชื่นชมความกล้าหาญของอีฮโยจิน ที่ยังมีสติและช่วยในการสืบสวนจนจับกุมกลุ่มนี้ได้ หยุดแผนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กลุ่มวางไว้ ซึ่งรวมถึงการซื้อรายชื่อคนชั้นสูงและอาวุธจำนวนมาก

ในท้ายที่สุด สมาชิกทั้งหมดถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนอีฮโยจินที่มีส่วนเกี่ยวข้องบางส่วนได้รับการยกเว้นการฟ้อง เนื่องจากถูกบังคับและขู่ฆ่า

ชีวิตหลังเหตุการณ์ เสียงตอบรับหลังฉายสารคดี

ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา อีฮโยจินมีชีวิตที่เงียบเหงา ไม่มีเพื่อน และต้องพึ่งพายารักษาโรคทางจิตใจ เธอยังต้องเผชิญกับโรคมะเร็งเต้านม ต้องตัดเต้านมทั้งสองข้างและมดลูก แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่

สื่อบางแห่งนำเสนอเรื่องราวของทั้งคู่ในเชิงโรแมนติก แต่ทีมงานผู้สร้างสารคดีชี้ว่านั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะคิมฮยอนยังและกลุ่มชิจอนคืออาชญากรที่ใช้ข้ออ้างปราบคนรวยเพื่อปล้นและฆ่าคนบริสุทธิ์

ดังนั้น จึงนับเป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคิมฮยอนยังและอีฮโยจิน ถ้าไม่ใช่เพราะคิมฮยอนยัง อีฮโยจินน่าจะได้ใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องเจ็บปวดทางจิตใจเช่นนี้

ทั้งนี้ หลังออกฉายสารคดีสร้างความตกใจและมีทั้งเสียงชื่นชมและวิจารณ์ บางคนยกย่องทีมงานที่นำเสนอภาพรวมของเหตุการณ์ ส่วนบางส่วนตำหนิที่ทำให้ความเจ็บปวดของเหยื่อถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง