ชีวิตสุดแปลกและรักร้าวของ "เทพีเซ็กซี่" ดาราต้นแบบสโนว์ไวท์ และอัจฉริยะผู้คิดค้น Wi-Fi
ชีวิตสุดเหลือเชื่อของ “เทพีเซ็กซี่อันดับ 1 โลก” ผู้เป็นแรงบันดาลใจตัวละคร “สโนว์ไวท์” และยังเป็นถึงอัจฉริยะผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี Wi-Fi
เธอคือดาราฮอลลีวูดที่มีพร้อมทั้งความงามและสมอง หนึ่งในหญิงสาวที่โลกลืมไม่ได้ “เฮดี้ ลามาร์” ไม่เพียงมีชื่อเสียงจากความสวยระดับ “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” แต่ยังเป็นนักประดิษฐ์อัจฉริยะ ผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีไร้สายยุคใหม่อย่าง Wi-Fi, Bluetooth และ GPS
พรสวรรค์ตั้งแต่วัยเด็ก แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เฮดี้ ลามาร์ (Hedy Lamarr) หรือชื่อเดิม เฮ็ดวิก อีวา มาเรีย คีสเลอร์ (Hedwig Eva Maria Kiesler) เกิดในปี 1914 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในครอบครัวชาวยิวฐานะดี เธอฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่ยังเด็ก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากพ่อ ซึ่งเป็นผู้บริหารธนาคารที่สนับสนุนให้ลูกสาวสำรวจโลกวิทยาศาสตร์
แต่แทนที่จะเดินบนเส้นทางนักวิทยาศาสตร์ เฮดี้หันเข้าสู่วงการภาพยนตร์ และสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในวัยเพียง 19 ปี ด้วยบทบาทในภาพยนตร์ Ecstasy (1933) ซึ่งกลายเป็นกระแสดังเพราะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีฉากเปลือย แม้จะถูกแบนในหลายประเทศ แต่ก็ทำให้ชื่อของเธอโด่งดังทั่วยุโรป
ชีวิตแต่งงานเหมือนคุกทองคำ
ความโด่งดังของเธอทำให้ได้พบกับ ฟรีดริช แมนเดิล (Friedrich Mandl) มหาเศรษฐีค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งต่อมากลายเป็นสามีคนแรกของเธอ แต่ชีวิตคู่ของเธอเปรียบเสมือนคุกหรู แมนเดิลควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของเธอ และบังคับให้เธอลาออกจากวงการ
อย่างไรก็ตาม การได้ร่วมโต๊ะอาหารกับนักวิทยาศาสตร์และนายพลนาซีในฐานะภรรยาผู้ประกอบการค้าอาวุธ กลับทำให้เฮดี้ได้ฟังข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางทหาร ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจด้านวิทยาศาสตร์ในอนาคต
จากการหลบหนี... สู่การเป็นดาวดังแห่งฮอลลีวูด
ในปี 1937 เฮดี้ตัดสินใจหนีสามีระหว่างการเดินทางไปลอนดอน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ในอเมริกา เธอได้พบกับ หลุยส์ บี. เมเยอร์ (Louis B. Mayer) ผู้บริหารสตูดิโอ MGM ซึ่งเปลี่ยนชื่อเธอเป็น “เฮดี้ ลามาร์” และพาเธอสู่โลกฮอลลีวูด
ภาพยนตร์เปิดตัวเรื่องแรก Algiers (1938) ส่งให้เธอกลายเป็นดาราชั้นแนวหน้า ตามมาด้วยผลงานชื่อดังอีกมากมาย เช่น Boom Town (1940), White Cargo (1942), และ Samson and Delilah (1949) เธอไม่เพียงได้รับการยกย่องว่าเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในโลก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละคร “สโนว์ไวท์” ของดิสนีย์อีกด้วย
อยู่หน้ากล้องคือดาวจรัสแสง หลังกล้องคืออัจฉริยะ
แม้จะประสบความสำเร็จด้านบันเทิง แต่เฮดี้ไม่เคยหยุดความรักในวิทยาศาสตร์ เธอใช้เวลาว่างศึกษาหนังสือเทคนิค คิดค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และออกแบบนวัตกรรมต่างๆ ในห้องทดลองเล็กๆ ภายในบ้าน
หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์สำคัญคือ ระบบเปลี่ยนความถี่ (frequency hopping) ที่เธอร่วมพัฒนากับนักดนตรี จอร์จ แอนธายล์ (George Antheil) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหวังช่วยแก้ปัญหา “คลื่นรบกวน” ที่ทำให้ระบบนำทางตอร์ปิโดของฝ่ายสัมพันธมิตรล้มเหลว
พวกเขาคิดค้นระบบที่ให้สัญญาณวิทยุสามารถสลับไปมาระหว่าง 88 ความถี่ได้แบบสุ่ม โดยใช้หลักการจากกลไกเปียโนอัตโนมัติ ระบบนี้เป็นรากฐานของเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายสมัยใหม่ เช่น Wi-Fi และ Bluetooth
อัจฉริยะที่โลกลืม...จนสายเกินไป
แม้จะยื่นจดสิทธิบัตรในปี 1942 แต่กองทัพสหรัฐกลับเมินไอเดียนี้ ด้วยเหตุผลว่า “ซับซ้อนเกินไป” และใช้เธอแค่เป็นคนดังที่ช่วยระดมทุนผ่านการขายพันธบัตรสงคราม ระบบที่เธอคิดค้นเริ่มถูกใช้งานจริงในปี 1962 เมื่อสิทธิบัตรหมดอายุ และเธอไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนใดๆ
ต้องรอจนถึงปี 1997 เมื่ออายุ 82 ปี เฮดี้ ลามาร์ จึงได้รับการยกย่องจาก มูลนิธิแนวหน้าอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Frontier Foundation) ด้วยรางวัลเชิดชูเกียรติ และในปี 2014 เธอถูกบรรจุชื่อไว้ใน หอเกียรติยศนักประดิษฐ์แห่งชาติสหรัฐฯ
ปัจจุบันชื่อของเธอถูกนำมาตั้งเป็นรางวัล “รางวัลเฮดี้ ลามาร์ สำหรับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีบันเทิง” และวันที่ 9 พฤศจิกายน (วันเกิดของเธอ) ถูกเสนอให้เป็น “วันนักประดิษฐ์แห่งยุโรป” เพื่อระลึกถึงความสามารถอันน่าทึ่งที่ถูกมองข้าม
ชีวิตรักวุ่นวาย และจุดจบอันเงียบเหงา
แม้จะมีความสามารถทั้งด้านการแสดงและวิทยาศาสตร์ แต่เฮดี้กลับต้องเผชิญชีวิตส่วนตัวที่ไม่ราบรื่น เธอแต่งงานถึง 6 ครั้ง มีลูก 3 คน และชีวิตรักมักจบลงด้วยความผิดหวัง
เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจที่สุดคือความสัมพันธ์กับ คลาร์ก เกเบิล (Clark Gable) พระเอกในตำนานจากภาพยนตร์ Gone with the Wind ที่เธอหลงรักอย่างหมดใจ แม้จะพยายามกลับมาหาเขาหลังจากภรรยาของเกเบิลเสียชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยึดครองหัวใจชายหนุ่มเจ้าชู้คนนี้ได้
เมื่ออายุมากขึ้น เฮดี้ ลามาร์ ค่อยๆ ห่างหายจากวงการบันเทิง เธอใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกา และเสียชีวิตอย่างเงียบๆ ด้วยโรคหัวใจ ในวัย 85 ปี
บทสรุปของผู้หญิงสองโลก
ชีวิตของเฮดี้ ลามาร์ เป็นเครื่องยืนยันว่า “ความสวย” อาจบดบัง “ความสามารถ” ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอคือหญิงสาวที่ทั้งโลกรู้จักในฐานะดาวหนัง แต่เบื้องหลังคืออัจฉริยะผู้วางรากฐานเทคโนโลยีที่เราทุกคนใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
เรื่องราวของเธอคือแรงบันดาลใจสำหรับผู้หญิงทั่วโลก และเป็นเครื่องเตือนใจว่า... อย่าตัดสินใครเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก
- นางเอกมังกรหยก ตำนานช็อกวงการ "ตายหนีพิษรัก" แต่ผ่านมา 40 ปี ความจริงถูกเปิดเผย!
- ไอคอนความงามยุค 90s ขึ้นเวทีหลังดราม่า "หน้าเปลี่ยน" แฟนคลับตกใจ เมคอัพหรือทำอะไร?!
