ย้อนเหตุ เจ้าชายเนปาล รักกับลูกสาวของศัตรู ถูกกีดกันความรัก จึงสังหารหมู่ราชวงศ์
ย้อนรอยโศกนาฏกรรมวังเนปาล: เมื่อความรักของมกุฎราชกุมาร นำมาซึ่งค่ำคืนนองเลือดล้างราชวงศ์
ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัยอันยิ่งใหญ่ เนปาล เคยมีราชวงศ์ที่สืบทอดยาวนานกว่าสองศตวรรษ แต่คืนวันที่ 1 มิถุนายน ปี 2001 คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกทั้งโลกต้องตะลึง งานเลี้ยงภายในพระราชวังที่ควรเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการสังสรรค์ กลับกลายเป็น “คืนนองเลือด” ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของเนปาลไปตลอดกาล

รักต้องห้ามที่จุดไฟโศกนาฏกรรม
เรื่องราวเริ่มจาก เจ้าชายทิเปนทรา (Dipendra) มกุฎราชกุมารแห่งเนปาล พระราชโอรสของกษัตริย์พีเรนทราและราชินีไอศวรรยา พระองค์เป็นที่รักของประชาชน มีความสามารถรอบด้าน แต่กลับต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่อยู่ในหัวใจ นั่นคือความรักที่มีต่อ เทพยานี รานา (Devyani Rana) หญิงสาวจากตระกูลเก่าแก่

ความรักนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่ในสายตาราชวงศ์ มันคือ “รักต้องห้าม” เพราะ:
- ตระกูลรานาเคยเป็นคู่แข่งทางอำนาจกับราชวงศ์ชาห์
- ราชินีไอศวรรยาไม่เห็นด้วย มองว่าตระกูลรานาใกล้ชิดอินเดียเกินไป
- พระราชินีได้เลือกเจ้าสาวจากตระกูลอื่นไว้แล้ว แต่เจ้าชายทิเปนทราปฏิเสธ
ความรักที่ถูกปฏิเสธ ผนวกกับแรงกดดันจากราชวงศ์ ได้กลายเป็นเชื้อไฟที่รอวันที่จะปะทุออกมา

คืนสังหารหมู่: 1 มิถุนายน 2001
คืนนั้น ราชวงศ์เนปาลรวมตัวกันที่พระราชวังนารายัณหิตีเพื่อร่วมงานเลี้ยงประจำสัปดาห์ บรรยากาศกลับตึงเครียดกว่าที่เคย:
- เจ้าชายทิเปนทราดื่มหนักและเสพกัญชา จนมีปากเสียงกับกษัตริย์พีเรนทราเรื่องการแต่งงาน
- พระญาติช่วยพยุงกลับห้อง แต่หลังจากนั้น พระองค์กลับมาอีกครั้งในชุดทหารพร้อมอาวุธครบมือ
- พระองค์เปิดฉากกราดยิง เป้าหมายแรกคือพระราชบิดา ก่อนจะหันปืนใส่สมาชิกราชวงศ์คนอื่น
- คืนเดียว มีสมาชิกราชวงศ์สิ้นพระชนม์ถึง 9 พระองค์ รวมทั้งกษัตริย์พีเรนทรา ราชินีไอศวรรยา เจ้าชายนิรชัน และเจ้าหญิงศรุติ
- สุดท้ายเจ้าชายทิเปนทราหันปืนยิงพระองค์เอง แต่ยังมีชีวิตรอดในสภาพโคม่า
กษัตริย์องค์ใหม่และทฤษฎีสมคบคิด
ผู้ที่ไม่อยู่ในคืนนองเลือดคือ เจ้าชายคยาเนนทรา พระอนุชาของกษัตริย์พีเรนทรา หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมพระองค์ถึงไม่เข้าร่วม ทั้งที่ปกติไม่เคยพลาด และยิ่งน่าประหลาดใจ เมื่อพระโอรสของพระองค์อย่างเจ้าชายปาราสที่อยู่ในที่เกิดเหตุ กลับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
นี่เองที่ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นการจัดฉากเพื่อแย่งบัลลังก์ แม้คณะกรรมการสอบสวนจะสรุปว่าเจ้าชายทิเปนทราเป็นผู้ก่อเหตุเพียงลำพัง แต่ความสงสัยก็ยังคงอยู่ในใจประชาชน
ที่น่าขันและเจ็บปวดไปพร้อมกันคือ ตามกฎราชสำนัก หลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์พีเรนทรา เจ้าชายทิเปนทราในสภาพโคม่า ถูกประกาศเป็นกษัตริย์เนปาลอย่างเป็นทางการอยู่ 3 วัน ก่อนจะสิ้นพระชนม์ ราชบัลลังก์จึงตกไปอยู่ในมือเจ้าชายคยาเนนทรา
จุดจบของราชวงศ์ และการสิ้นสุดยุคกษัตริย์
แม้เจ้าชายคยาเนนทราจะได้ขึ้นครองราชย์ แต่พระองค์กลับไม่สามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนได้ ความไม่ไว้วางใจที่เกิดจากคืนนองเลือดยังตามหลอกหลอน ราชวงศ์ที่เคยมั่นคงกลับถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด การสังหารหมู่ในคืนนั้นก็กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความศรัทธาต่อสถาบันกษัตริย์พังทลายลง และในปี 2008 เนปาลก็ประกาศยกเลิกระบอบกษัตริย์ที่ดำรงอยู่มากว่า 240 ปี เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐ
บทเรียนจากโศกนาฏกรรม
โศกนาฏกรรมวังเนปาลไม่ใช่แค่เรื่องราวของความรักที่ถูกห้าม หรือการเมืองในราชสำนัก แต่คือบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งในครอบครัวเดียว หากผสมด้วยอำนาจและความกดดันทางสังคม อาจนำไปสู่การล่มสลายของทั้งประเทศได้
และนี่คือเรื่องราวจริงที่โลกไม่เคยลืม คืนนองเลือดที่เปลี่ยนเนปาลไปตลอดกาล