เนื้อหาในหมวด ข่าว

ทำไมตู้เย็นจึงมีปุ่มปรับอุณหภูมิ 2 ปุ่ม? คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเกี่ยวกับหน้าที่ของมันมานาน

ทำไมตู้เย็นจึงมีปุ่มปรับอุณหภูมิ 2 ปุ่ม? คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเกี่ยวกับหน้าที่ของมันมานาน

ในทุกตู้เย็นจะมีปุ่มปรับอุณหภูมิ 2 ปุ่ม แต่ละปุ่มมีหน้าที่และบทบาทเฉพาะตัว ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบ

ตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่คุ้นเคยในทุกบ้าน มีความสำคัญในการถนอมอาหาร โดยปกติจะพบปุ่มปรับอุณหภูมิหลัก 2 แบบ ได้แก่ ปุ่มปรับกำลังคอยล์เย็น และ ปุ่มปรับการกระจายลม ซึ่งแต่ละปุ่มจะมีหน้าที่แตกต่างกัน

1. ปุ่มปรับกำลังคอยล์เย็น (Temp. Control)
ปุ่มปรับกำลังคอยล์เย็นมักเป็นปุ่มหมุน ใช้สำหรับปรับกำลังการทำงานของคอยล์เย็นในตู้ เมื่อปรับปุ่มนี้จะช่วยควบคุมความเย็นทั้งช่องแช่แข็ง และช่องแช่เย็น

  • หมุนไปทาง “MAX” → คอยล์เย็นทำงานกำลังสูง ทำให้ทั้งสองช่องเย็นเร็วขึ้น

  • หมุนไปทาง “MIN” → คอยล์เย็นทำงานกำลังต่ำ อุณหภูมิภายในสูงขึ้น ความสามารถในการทำความเย็นลดลง

2. ปุ่มปรับการกระจายลม (Freezer Temp Control)
ปุ่ม “Freezer Temp Control” มักเป็นแถบเลื่อน อยู่ในช่องแช่แข็ง หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าปุ่มนี้ใช้ปรับความเย็น แต่จริง ๆ แล้วหน้าที่ของมันคือ ควบคุมการกระจายลมเย็นไปยังแต่ละช่องภายในตู้เย็น

เมื่อคุณเลื่อนแถบไปทาง “MAX” → ปริมาณลมเย็นที่พัดเข้าสู่ช่องแช่แข็งจะเพิ่มขึ้น ทำให้ช่องแช่แข็งเย็นลง ในขณะเดียวกัน ลมเย็นที่ไปถึงช่องแช่เย็นจะลดลง

เมื่อเลื่อนแถบไปทาง “MIN” → ปริมาณลมเย็นไปยังช่องแช่แข็งจะลดลง ทำให้อุณหภูมิในช่องแช่แข็งสูงขึ้น และลมเย็นที่ไปถึงช่องแช่เย็นจะเพิ่มมากขึ้น

เมื่อเข้าใจหลักการนี้ คุณจะสามารถประหยัดไฟฟ้าได้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น

วิธีประหยัดไฟง่าย ๆ ที่หลายคนยังไม่รู้

ค่าไฟฟ้ารายเดือนสามารถลดลงได้อย่างมาก หากผู้ใช้รู้จักใช้งานตู้เย็นอย่างถูกวิธี ต่อไปนี้คือ 3 เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้ตู้เย็นทำงานมีประสิทธิภาพโดยไม่สิ้นเปลืองพลังงาน

1. ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตั้ง ช่องแช่เย็น ที่ 3–5°C และ ช่องแช่แข็ง ที่ประมาณ –18°C การลดอุณหภูมิต่ำเกินไปไม่ได้ช่วยถนอมอาหารให้ดีขึ้น แต่กลับทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้นและใช้ไฟฟ้ามากขึ้น การตั้งอุณหภูมิให้พอดีไม่เพียงแต่รักษาความปลอดภัยของอาหาร แต่ยังช่วยประหยัดค่าไฟด้วย

2. อย่าเปิดตู้เย็นนานหรือบ่อยเกินไป
การเปิดประตูตู้หลายครั้งต่อวัน หรือเปิดทิ้งไว้นาน ทำให้ลมเย็นรั่วไหล และมีอากาศร้อนและชื้นจากภายนอกเข้ามา ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้นและใช้ไฟฟ้ามากขึ้น

ดังนั้นควรเตรียมรายการของที่จะหยิบไว้ล่วงหน้า เพื่อหยิบได้รวดเร็ว และหลีกเลี่ยงการเปิดประตูตู้โดยไม่จำเป็น

3. จัดเรียงและทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ
ตู้เย็นที่แน่นเกินไปหรือว่างเกินไป จะทำให้การไหลเวียนของลมเย็นไม่สะดวก ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานนานขึ้น นอกจากนี้ ฝุ่นที่เกาะอยู่ที่คอยล์ด้านหลังยังลดประสิทธิภาพการระบายความร้อน ทำให้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น

ดังนั้นจัดเรียงอาหารให้เป็นระเบียบ ทิ้งช่องว่างให้ลมเย็นหมุนเวียนได้ และทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ จะช่วยให้ตู้เย็นทำงานมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

น้ำท่วมเกือบมิดเพดาน แม่ชราสู้ไม่ไหวสิ้นใจ ลูกนำร่างใส่ตู้เย็นรอความช่วยเหลือ

น้ำท่วมเกือบมิดเพดาน แม่ชราสู้ไม่ไหวสิ้นใจ ลูกนำร่างใส่ตู้เย็นรอความช่วยเหลือ

น้ำท่วมหาดใหญ่ แม่ทนไม่ไหวสิ้นใจ ลูกนำร่างใส่ไว้ในตู้เย็นรอความช่วยเหลือ กู้ภัยเจ็บใจที่มาช้า