เปิดความหมายของ "จำนวนดาว" บนฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่หลายคนเข้าใจผิด!
ความหมายของ "จำนวนดาว" บนฉลากประหยัดไฟ ที่หลายคนเข้าใจผิด!
หลายคนอาจเคยสังเกตเห็น ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ติดอยู่บนเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น หรือพัดลม ซึ่งมีสัญลักษณ์รูปดาวตั้งแต่ 1 ถึง 5 ดาว บางคนเข้าใจผิดว่า ดาวยิ่งเยอะ เครื่องยิ่งเย็นเร็ว หรือคุณภาพดีกว่า แต่ความจริงแล้ว ดาวเหล่านี้ไม่ได้บอกถึงความแรงหรือความเย็นของเครื่องเลย
ฉลากประหยัดไฟของไทยก็มีความหมายเดียวกัน
ในประเทศไทย ฉลากประหยัดไฟออกโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งใช้หลักการเดียวกับฉลากในประเทศเวียดนาม จุดประสงค์คือช่วยให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบ ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละรุ่นได้ง่ายขึ้น
ดาวที่ปรากฏบนฉลาก คือระดับของการประหยัดไฟ:
- 1 ดาว: ประหยัดไฟต่ำสุด กินไฟมาก
- 3 ดาว: ระดับกลาง ประหยัดไฟพอใช้
- 5 ดาว: ประหยัดไฟสูงสุด ใช้งานคุ้มค่า
ดาวเยอะไม่ได้แปลว่าเย็นเร็ว
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือคิดว่า "แอร์ 5 ดาวจะเย็นไวกว่า 1 ดาว" ซึ่งไม่จริง เพราะ ความสามารถในการทำความเย็นขึ้นอยู่กับขนาด BTU ไม่ใช่จำนวนดาวบนฉลาก
ตัวอย่างเช่น แอร์ 9,000 BTU ไม่ว่าจะได้กี่ดาว ก็สามารถทำความเย็นให้ห้องขนาด 15 ตารางเมตรได้พอ ๆ กัน แต่ถ้าเป็นเครื่อง 5 ดาว จะใช้พลังงานน้อยลง จึงช่วย ลดค่าไฟ ได้มากกว่า
- หลายคนก็เพิ่งรู้! กฟภ.เฉลยแล้ว บิลค่าไฟใส่ "ดอกจัน" แทนยอดเงินชำระ หมายความว่าอะไร?
- คนไทยรู้ยัง? ต่างชาติแนะ ประหยัดไฟตู้เย็นได้ง่ายๆ แค่ปรับ "ปุ่มนี้" หลายคนใช้ผิดมานาน
ประหยัดค่าไฟ พร้อมยืดอายุการใช้งาน
แอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมากที่สุดในบ้าน โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน การเลือกแอร์ที่มีดาวเยอะจึงช่วยประหยัดค่าไฟได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมักมาพร้อมเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องทำงานเงียบ เสถียร และพังยาก
ดูแค่ดาวไม่พอ ต้องดูประสิทธิภาพด้วย
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรอ่านข้อมูลในฉลากให้ครบถ้วน ไม่ใช่ดูแค่จำนวนดาวเท่านั้น แต่ควรดูค่าที่บอกถึง ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (SEER หรือ CSPF) ด้วย รวมถึงเลือกเครื่องที่ใช้เทคโนโลยี Inverter ซึ่งช่วยควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ และประหยัดไฟเพิ่มขึ้นอีก
แม้ว่าเครื่องที่มี 5 ดาวหรือ Inverter อาจมีราคาสูงกว่ารุ่นปกติ แต่ในระยะยาวจะช่วย ลดค่าไฟ ได้มาก และคุ้มค่ากว่าการซื้อเครื่องราคาถูกแต่กินไฟ
ดีต่อคุณ และดีต่อโลก
การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน ไม่เพียงแต่ดีต่อกระเป๋าเงิน แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานในระดับประเทศ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อนด้วย
ท้ายที่สุด จำนวนดาวบนฉลากประหยัดไฟ บอกถึงระดับของการประหยัดพลังงาน ไม่เกี่ยวกับความเย็นเร็วหรือความแรงของแอร์ ผู้บริโภคควรเลือกจากทั้งจำนวนดาว ขนาด BTU และเทคโนโลยีในเครื่อง เพื่อให้ได้ความคุ้มค่าและประหยัดไฟในระยะยาว
