เผย 3 สาขาวิชา "โดดเดี่ยวที่สุด" ม.จีนระดับท็อป ยังไม่มีใครสมัครเรียน จบแค่ปีละ 1 คน!
3 สาขาวิชา “สุดเหงา” ของจีน ทั้งมหาวิทยาลัยระดับท็อป แต่มีบัณฑิตแค่ปีละ 1 คน เรียนคนเดียวทั้งหลักสูตร.....
แม้จะอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศ แต่สาขาวิชาบางแห่งในจีนกลับมีนักศึกษาเรียนน้อยจนน่าตกใจ บางปีมีเพียงคนเดียวที่ได้ขึ้นรับปริญญา กลายเป็นภาพน่าประทับใจและสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน
ทั้ง 3 สาขาวิชาต่อไปนี้เคยเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียจีน ด้วยความโดดเดี่ยวที่ต้องเผชิญตลอดเส้นทางการศึกษา แต่ในความเหงานั้นกลับแฝงด้วยความพิเศษบางอย่างที่หาไม่ได้ในเส้นทางทั่วไป
1. สาขาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง
ในเดือนมิถุนายน ปี 2019 ภาพของ โหว เฉียน นักศึกษาหญิงยืนอยู่คนเดียวในพิธีรับปริญญาของ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ของจีน เพราะเธอคือผู้สำเร็จการศึกษาคนเดียวในสาขา การเขียนเชิงสร้างสรรค์
สาขานี้เพิ่งเริ่มเปิดสอนในจีนเมื่อปี 2009 และถูกรวมอยู่ในคณะศิลปกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงตั้งแต่ปี 2015 มุ่งเน้นการเขียนบทกวี เรื่องสั้น นวนิยาย และบทละคร โดยในปีแรกที่เปิดรับสมัคร มีเพียงโหว เฉียนที่สอบผ่านเข้ามาได้เพียงคนเดียว
ตลอด 4 ปี เธอต้องเรียนรวมกับนักศึกษาคณะอื่น ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นโดยตรง แต่ด้วยความหลงใหลในบทกวีมาตั้งแต่มัธยม เธอจึงไม่ย่อท้อ จนสามารถเขียนผลงานบทกวีได้กว่า 100 ชิ้น และยังจัดนิทรรศการศิลปะเชิงบทกวีร่วมกับประติมากรรมในวันจบการศึกษาอีกด้วย
หลังจากจบการศึกษา โหว เฉียนยังได้โอกาสศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นบทพิสูจน์ว่า ความโดดเดี่ยวก็สามารถนำทางไปสู่ความสำเร็จได้
- ต่างชาติเปิด 5 สาขาวิชา มักถูกแปะ "ใบแดง" เรียนไปรอตกงาน มีใบปริญญาแต่ไร้อาชีพ?!
- ขาเก้าอี้สั่น! กูรูระดับโลก คาดการณ์ 10 อาชีพเผชิญ "พายุเลิกจ้าง" ในปีนี้ AI เสียบตำแหน่ง
2. สาขาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
แม้จะไม่ได้เป็นสาขาใหม่ แต่ บรรพชีวินวิทยา กลับเป็นอีกหนึ่งสาขาที่มีนักเรียนน้อยมาก โดยเฉพาะที่ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง สถาบันระดับแนวหน้าของจีนและเอเชีย สาขานี้เคยมีช่วงเวลาที่ 9 ปีมีบัณฑิตเพียง 6 คนเท่านั้น
สาขานี้เน้นการศึกษาซากฟอสซิล วิวัฒนาการ และประวัติศาสตร์ของโลกในช่วงหลายร้อยล้านปี นักศึกษาต้องมีความรู้ลึกด้านธรณีวิทยา ชีววิทยา และโบราณคดี รวมถึงต้องลงพื้นที่สำรวจธรรมชาติในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
แม้จะเป็นงานวิชาการที่มีความสำคัญ แต่โอกาสในการทำงานหลังเรียนจบกลับมีจำกัด ส่วนใหญ่ต้องทำงานในสถาบันวิจัยหรือพิพิธภัณฑ์เท่านั้น
ภาพของ เซี่ย ตี้ฝาน และ อัน หย่งจวี๋ นักศึกษาชายหญิงที่ขึ้นรับปริญญาเพียงลำพังในห้องโถงกว้างใหญ่ กลายเป็นภาพไวรัลสะท้อนถึง “ความกล้าหาญทางวิชาการ” ของผู้ที่เลือกเดินทางสายนี้
3. สาขาการศึกษาช่วงปฐมวัยตอนต้น มหาวิทยาลัยซานตง
แตกต่างจากสองสาขาข้างต้นตรงที่ การศึกษาช่วงปฐมวัยตอนต้น ดูเหมือนจะเป็นสายงานที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวัน แต่ในความเป็นจริง กลับเป็นหนึ่งในสาขาที่ “เงียบเหงา” ที่สุด
สาขานี้เน้นการดูแลและส่งเสริมพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 3 ปี ซึ่งแตกต่างจากการศึกษาระดับอนุบาลทั่วไป ผู้เรียนต้องมีความรู้ด้านจิตวิทยา โภชนาการ การเคลื่อนไหว และพัฒนาการทางภาษาอย่างลึกซึ้ง
แม้จะมีความสำคัญ แต่หลายคนเลือกไม่เรียนต่อในสาขานี้ เนื่องจากงานหนัก รายได้ไม่สูง และต้องรับแรงกดดันจากผู้ปกครองและสังคม
ครั้งหนึ่งเคยมีภาพ นักศึกษาชายเพียงคนเดียว ของมหาวิทยาลัยซานตงที่ถ่ายรูปรับปริญญาท่ามกลางอาจารย์ 9 คน ถูกแชร์อย่างกว้างขวาง เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนความ “เดียวดาย” ในเส้นทางสายครูปฐมวัย
อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสของพ่อแม่รุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับพัฒนาการลูกตั้งแต่ช่วงวัยแรกเริ่ม สาขานี้จึงยังคงมีแนวโน้มเติบโตและมีโอกาสในอนาคต
