เนื้อหาในหมวด ข่าว

7 กลิ่นกาย ที่แอบเตือนอาการเจ็บป่วย แต่น่าเสียดายที่หลายคนมักมองข้าม!

7 กลิ่นกาย ที่แอบเตือนอาการเจ็บป่วย แต่น่าเสียดายที่หลายคนมักมองข้าม!

ความจริงก็คือ กลิ่นกายไม่เพียงสะท้อนเรื่องสุขอนามัยหรือพฤติกรรมการกินเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่าง ๆ รวมถึงโรคร้ายแรงที่อันตรายถึงชีวิตได้

ร่างกายของแต่ละคนต่างมีกลิ่นเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับอาหารที่รับประทาน วิถีชีวิต เพศ รวมถึงสุขภาพโดยรวม ทว่า บางครั้งความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในกลิ่นกาย ก็อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรค แต่ปัญหาคือ หลายคนมักมองข้ามไป

ดังนั้นหากคุณสังเกตว่าร่างกายเริ่มมีกลิ่นผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ควรเพิ่มความระมัดระวัง และดีที่สุดคือรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กสุขภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ

1. ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น แม้จะดูแลช่องปากอย่างดี

หากแปรงฟันและทำความสะอาดช่องปากอย่างพิถีพิถัน แต่ลมหายใจยังคงมีกลิ่นรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากกรดที่ย้อนขึ้นมาถึงลำคอจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้เกิดกลิ่นคล้ายไข่เน่า

นอกจากนี้ อาการปากเหม็นเรื้อรังยังอาจเกี่ยวข้องกับโรคในช่องปาก การอักเสบของต่อมทอนซิล มะเร็งหลอดอาหาร หรือแม้แต่โรคหัวใจ ผู้ที่นอนกรนหรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับก็มักมีปัญหาปากแห้ง ส่งผลให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน

อย่ามองข้าม หากอาการนี้เกิดซ้ำบ่อย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

2. ปากและเหงื่อมีกลิ่นคล้ายแอปเปิ้ลเน่า

กลิ่นแอปเปิ้ลเน่าเป็นสัญญาณบ่งชี้โรคเบาหวาน โดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อนที่เรียกว่า คีโตแอซิโดซิส (Ketoacidosis) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีอินซูลินไม่เพียงพอ ทำให้ต้องดึงไขมันมาเผาผลาญแทน ส่งผลให้เกิดสารคีโตนสะสมในเลือด และถูกขับออกทางลมหายใจจนเกิดกลิ่นผิดปกติ

นี่ถือเป็นภาวะอันตรายที่อาจนำไปสู่อาการโคม่า หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยเบาหวานควรใส่ใจเป็นพิเศษ หากพบว่ามีเหงื่อหรือกลิ่นปากลักษณะนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

3. เท้ามีกลิ่นเหม็นรุนแรง

ปัญหาเท้ามีกลิ่นไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาดเพียงอย่างเดียว แต่มักเป็นสัญญาณของการติดเชื้อราที่ผิวหนัง เชื้อราจะกัดกินเซลล์ผิวที่ตายแล้วบริเวณง่ามนิ้ว ทำให้เกิดอาการแดง คัน ผิวลอก หรือแม้กระทั่งเป็นตุ่มพองได้

นอกจากนี้ บางรายอาจเกิดจาก ภาวะเหงื่อเท้ามีกลิ่น ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ไม่เพียงแต่เท้ามีกลิ่นแรง แต่ยังรวมถึงลมหายใจและปัสสาวะที่มีกลิ่นเฉพาะตัวด้วย

อาการเหล่านี้ไม่สามารถแก้ได้ด้วยสเปรย์ดับกลิ่นทั่วไป ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

4. มีกลิ่นคาวออกมาจากจมูก

โดยปกติแล้ว คนที่มีสุขภาพดีจะไม่รู้สึกถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์จากจมูก แต่หากมีกลิ่นคาวหรือกลิ่นเหม็น อาจเป็นสัญญาณของ ติ่งเนื้อในจมูก (Nasal polyp) ไซนัสอักเสบเรื้อรัง การติดเชื้อในโพรงไซนัส หรือ ภาวะน้ำมูกไหลย้อนลงคอ

เมื่อมีน้ำมูกหรือสารคัดหลั่งค้างอยู่เป็นเวลานาน เชื้อแบคทีเรียจะเจริญเติบโตและก่อให้เกิดกลิ่นผิดปกติ กรณีนี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการหยอดยาหรือการล้างจมูกทั่วไป แต่ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก เพื่อรับการตรวจและดูแลอย่างเหมาะสม

5. ร่างกายมีกลิ่นคล้ายน้ำปัสสาวะติดทนนาน

หากผิวหนังหรือลมหายใจมีกลิ่นแอมโมเนียหรือกลิ่นคล้ายน้ำปัสสาวะ อาจเป็นสัญญาณว่าการทำงานของไตมีปัญหา เนื่องจากเมื่อไตไม่สามารถกรองของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารยูเรีย และ ครีอะตินิน จะสะสมในเลือด จนก่อให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวดังกล่าว

ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคไตวายหรือความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ หากคุณมีกลิ่นลักษณะนี้ แม้จะรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ควรรีบไปตรวจเช็กการทำงานของไตโดยทันที

6. หูมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ

หูก็สามารถส่งสัญญาณเตือนโรคผ่านกลิ่นได้เช่นกัน การที่ขี้หูสะสมเป็นเวลานาน การติดเชื้อ หรือการเกิดถุงน้ำภายในช่องหู ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากความรำคาญแล้ว ยังบ่งบอกได้ว่ามีการอักเสบหรือความผิดปกติภายในหู

หากทำความสะอาดเองแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงขึ้น และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน

7. ร่างกายมีกลิ่นคล้ายกะหล่ำปลีเน่า แม้จะอาบน้ำสะอาดแล้วก็ตาม

กลิ่นลักษณะนี้พบได้ไม่บ่อย แต่ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับ ภาวะความผิดปกติในการเผาผลาญกรดอะมิโนไทโรซีน ผู้ป่วยไม่สามารถย่อยสลายไทโรซีนได้ ทำให้สารนี้สะสมในเลือดและส่งผลให้ร่างกายมีกลิ่นคล้ายกะหล่ำปลีเน่า

โรคนี้มักพบในเด็กเล็ก ส่งผลให้เกิดภาวะพัฒนาการล่าช้า ตับทำงานผิดปกติ น้ำตาลในเลือดต่ำ และเสี่ยงต่อการชัก หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีกลิ่นผิดปกติร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันที