เปิดข้อสงสัย "อวี๋เมิ่งหลง" พระเอกจีนพลัดตกตึก ไม่สนิทกับเพื่อนที่อยู่ด้วยก่อนตาย
เปิดข้อสงสัย "อวี๋เมิ่งหลง" พระเอกจีนพลัดตกตึก ไม่สนิทกับเพื่อนที่อยู่ด้วยก่อนตาย ครอบครัวยังคาใจ
จากกรณีนักแสดงจีน อวี๋เหมิงหลง วัย 37 ปี เสียชีวิตจากการพลัดตกอาคารย่านที่พักในกรุงปักกิ่ง ช่วงเช้ามืดวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีชาวบ้านที่ออกไปจูงสุนัขราว 6 โมงเช้า พบศพเนื่องจากสุนัขได้กลิ่นคาวเลือด ขณะเดียวกันมีชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของผู้ตายเดินลงมาพบศพ และใช้เสื้อคลุมใบหน้าผู้ตาย แต่ไม่ได้โทรแจ้งตำรวจทันที ทำให้เกิดกระแสตั้งคำถามในสังคม
จากคำให้การของเพื่อนบ้าน อวี๋เหมิงหลงเพิ่งไปรับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อน 5-6 คนถึงตีสอง ก่อนกลับเข้าห้องพักและล็อกประตูไว้ จนกระทั่งตอนเช้าถูกพบว่าเสียชีวิต โดยมีเลือดออกจากปากและกองเลือดอยู่ข้างตัว ต่อมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารเป็นผู้โทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน
เพื่อนบ้านเล่าถึงความทรงจำว่า อวี๋เหมิงหลงเป็นคนหนุ่มที่ร่าเริง สดใส มักเห็นถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ๆ ในละแวกที่พัก ด้านผลงานการแสดงของเขากำลังกลับมาฟื้นตัว โดยเดิมทีมีคิวร่วมบันทึกเทปรายการของ CCTV ในวันที่ 12 กันยายน ขณะที่การอัปเดตโซเชียลมีเดียครั้งสุดท้ายของเขาคือคืนวันที่ 10 กันยายน เวลา 21.31 น. วงการบันเทิงจีนต่างร่วมโพสต์ไว้อาลัย แสดงความเสียใจต่อการจากไปกะทันหันของนักแสดงหนุ่มรายนี้
เพื่อนนักแสดงเคลื่อนไหวเรียกร้อง
นักแสดงฮ่องกง เฉินเสี่ยวตง ออกมาแสดงความเห็น ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจไม่ใช่เรื่องธรรมดา พร้อมตำหนิที่การถกเถียงบนโลกออนไลน์ถูกลบอยู่หลายครั้ง และรู้สึกเสียใจที่ความจริงยังไม่ปรากฏ
เฉินเสี่ยวตง ซึ่งเคยร่วมรายการกับอวี๋เหมิงหลง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเมื่อวันอาทิตย์ (14 กันยายน) โดยใช้หัวข้อว่า “การเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมามันยากนักหรือ?” เพื่อเป็นการส่งเสียงแทนผู้ล่วงลับ
เขากล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครที่อยู่ในเหตุการณ์ออกมาให้การ ทั้งที่สามารถเป็นหลักฐานในศาลด้วย อีกทั้งยังตำหนิที่โพสต์และการสนทนาบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ถูกลบทั้งหมด พร้อมทั้งตั้งคำถามว่า “กล้องวงจรปิดสักตัวก็ไม่มี? ทำไมทุกคนถึงเย็นชาเช่นนี้ หวังว่าการตรวจสอบจะเป็นธรรม”
ท่ามกลางข้อสงสัยที่ยังไม่ได้คำตอบและการนิ่งเงียบของบุคคลสาธารณะ การที่เฉินเสี่ยวตงเป็นคนแรกที่กล้าออกมาแสดงจุดยืน ทำให้ชาวเน็ตต่างรู้สึกประทับใจ
หลังเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ ข้อความในโลกออนไลน์ที่ระบุว่า “ล็อกห้องจากด้านในแต่กลับมีนาฬิกาเพื่อนอยู่กับเขา” “มุ้งลวดถูกงัดด้วยมือ” ล้วนถูกลบออก อีกทั้งตำรวจยังรีบสรุปในเวลาเพียง 12 ชั่วโมงว่าไม่ใช่การฆาตกรรม และไม่ได้เปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ทำให้การตายของอวี๋เหมิงหลงยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นเพียงเหตุการณ์ส่วนบุคคลกันแน่ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน

โพสต์อ้างเป็นลูกพี่ลูกน้อง เผยการทำงานของตำรวจ
บน Weibo มีการเผยแพร่ข้อความที่ระบุว่ามาจาก “ลูกพี่ลูกน้องของอวี๋หมงหลง” โดยผู้โพสต์อ้างว่า “ผมคือลูกพี่ลูกน้องของหลงหลง” และเปิดเผยว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ปักกิ่ง ร่วมกับคุณน้า (แม่ของอวี๋เมิ่งหลง) และญาติ ๆ บางส่วน เพื่อจัดงานศพ พร้อมรอผลชันสูตรจากตำรวจ
ในข้อความเล่าว่า ครอบครัวเพิ่งทราบเรื่องในวันที่ 11 กันยายน และพยายามติดต่ออวี๋เมิ่งหลงแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งแม่ของเขาได้รับแจ้งจากสถานีตำรวจปักกิ่งในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน และรีบเดินทางไปปักกิ่งในตอนค่ำ
ลูกพี่ลูกน้องยังอ้างว่าตำรวจแจ้งรายละเอียดว่า :
-
คดีถูกสรุปว่าเป็น “อุบัติเหตุพลัดตกตึก”
-
ในคืนเกิดเหตุ อวี๋เมิ่งหลงไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนรวม 5 คน (ชาย 3 หญิง 1) และเข้าห้องนอนล็อกประตูเวลาประมาณตี 4
-
ราว 6 โมง เพื่อน ๆ พบว่าเขาตกลงมาแล้ว
-
ผู้ที่อยู่ในงานเลี้ยงทั้งหมดถูกสอบปากคำ และให้การตรงกัน
-
แต่ผู้จัดการส่วนตัวเผยว่า อวี๋เมิ่งหลงไม่ได้สนิทกับกลุ่มคนเหล่านี้เลย
ครอบครัวตั้งข้อสงสัยต่อการทำงานของตำรวจ
ผู้จัดการส่วนตัวระบุว่า :
-
อวี๋เมิ่งหลงไม่สนิทกับกลุ่มเพื่อนในงานเลี้ยงคืนนั้น
-
หลังเกิดเหตุ มีเพียงรถตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ไม่พบว่ามีรถพยาบาล
-
เขาดื่มสุราได้บ้าง และควบคุมตัวเองได้ดี
-
สุขภาพและการทำงานเป็นปกติ ไม่มีพฤติกรรมติดไม่ดี ไม่เคยมีอาการซึมเศร้า
-
การเงินมั่นคง ไม่มีหนี้สิน
ผู้จัดการยังกล่าวด้วยว่า “แถลงข่าวที่สตูดิโอออกไปนั้น ตำรวจเป็นผู้เขียนขึ้นที่สถานีตำรวจ และบอกให้เราเผยแพร่ตามนั้น”
สิ่งที่ครอบครัวเปิดเผย
ครอบครัวของอวี๋เมิ่งหลงระบุเพิ่มเติมว่า ตำรวจได้ขอเบอร์โทรศัพท์และบัญชี WeChat ของทุกคนในครอบครัว ไม่อนุญาตให้จัดหาที่พักเอง ห้องพักในคอนโดที่เกิดเหตุถูกปิดผนึก ครอบครัวไม่สามารถเข้าไปได้ โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของอวี๋เมิ่งหลงก็ถูกตำรวจยึดไปตรวจสอบ
ลูกพี่ลูกน้องที่อ้างว่าเป็นญาติของอวี๋เมิ่งหลงยอมรับว่า เข้าใจว่ามาตรการบางอย่างอาจเกี่ยวข้องกับการสอบสวนและการควบคุมกระแสสังคม แต่ก็ยังมีหลายข้อกำหนดที่ตนเองไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้