คำสาปลองอี่! "เก้าอี้ต้องห้าม" ในพระราชวังจีน ใครกล้านั่งถึงตาย นายพลต่างชาติสังเวยชีวิต?
เก้าอี้ต้องห้ามในพระราชวังต้องห้าม ไม่มีใครกล้านั่ง หวั่นเจออาถรรพ์
พระราชวังต้องห้าม หรือ “กู้กง” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของจีน ซึ่งสะท้อนถึงความรุ่งเรืองของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ที่เคยปกครองประเทศมายาวนานหลายศตวรรษ
นอกจากสถาปัตยกรรมอันงดงามแล้ว ทุกสิ่งภายในพระราชวังแห่งนี้ล้วนมีความหมาย โดยเฉพาะบัลลังก์ของจักรพรรดิ หรือเก้าอี้มังกรที่รู้จักกันในชื่อว่า “ลองอี่” ซึ่งถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์สูงสุดแห่งอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของเรื่องเล่าลึกลับมากมาย
บัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ใช่ใครก็แตะต้องได้
ตามประวัติศาสตร์ จักรพรรดิผู้ครองราชบัลลังก์เป็นเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์นั่งบนลองอี่ หากใครที่ไม่ได้รับอนุญาตแล้วกล้านั่งลง ถือว่าเป็นการลบหลู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างร้ายแรง
ในอดีต มีการเล่าขานถึง "คำสาปบัลลังก์" ที่ว่าหากผู้ใดละเมิด ก็มักจะพบจุดจบอันน่าสลด ไม่ว่าจะด้วยอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือเสียชีวิตอย่างลึกลับ
ตำนานคำสาปที่เกิดจากความเชื่อ และเรื่องจริงที่ถูกเล่าขาน
เพื่อตอกย้ำความศักดิ์สิทธิ์ของลองอี่ จักรพรรดิในอดีตมักเล่าถึง “มังกรทอง” ที่เฝ้ารักษาบัลลังก์ตัวนี้ และจะฟื้นคืนชีพมาลงโทษผู้ใดก็ตามที่บังอาจนั่งลงอย่างไม่สมควร
หนึ่งในเรื่องเล่าที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเกี่ยวกับคำสาปบัลลังก์ คือกรณีของ นายพลวาลเดอร์ซี (Waldersee) นายทหารเยอรมันที่เข้ายึดพระราชวังต้องห้ามในช่วงสงครามกับกองกำลังพันธมิตรแปดชาติเมื่อปี 1900
เมื่อราชสำนักต้องล่าถอยออกจากปักกิ่ง วาลเดอร์ซีได้เดินทางเข้าสำรวจพระราชวัง และตัดสินใจนั่งลงบนลองอี่ พร้อมให้ช่างภาพถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
อย่างไรก็ตาม เพียง 4 ปีต่อมา เขาก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1904 โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาอาจตกเป็นเหยื่อของคำสาปแห่งบัลลังก์ทอง
- หาดูยาก 14 ภาพราชวงศ์ชิง ตะลึงความงาม "สนม" ที่ยิ่งกว่าดารา คนยุคนี้ยังโดนสะกดใจ!
- เปิดเผย “สมบัติลับ” ที่ฮ่องเต้องค์สุดท้าย เสี่ยงนำออกจากวังต้องห้าม พกติดตัวถึงวาระสุดท้าย
ลองอี่ในมุมมองของความจริง
แม้จะมีเรื่องเล่าลึกลับมากมาย แต่ในเชิงโบราณคดี บัลลังก์ลองอี่ไม่ได้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างที่หลายคนเชื่อแต่อย่างใด
ตัวบัลลังก์ทำจาก ทองเหลืองชุบทอง ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการ ตั้งอยู่ในพระที่นั่งจินหลวน (Golden Throne Hall) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของพระราชวังต้องห้าม
สิ่งที่ทำให้บัลลังก์นี้มีความพิเศษ ไม่ใช่เพียงวัสดุหรือความงาม แต่คือ คุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนความรุ่งเรืองของราชสำนักจีนโบราณ
พระราชวังต้องห้าม สมบัติของโลก
พระราชวังต้องห้ามก่อตั้งมากว่า 500 ปี และกลายเป็น พิพิธภัณฑ์พระราชวัง เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่ปี 1925
ในปี 1987 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนที่นี่เป็น มรดกโลก อย่างเป็นทางการ ตอกย้ำความสำคัญในฐานะสัญลักษณ์ของอารยธรรมจีนที่ยิ่งใหญ่
สิ่งของทุกชิ้นภายในพระราชวัง ไม่ว่าจะเป็นอาคาร หอคอย ประตู บานประตู หน้าต่าง หรือแม้แต่ต้นไม้และสนามหญ้า ล้วนบรรจุเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และสะท้อนแนวคิดทางศิลปะของยุคสมัย
"ลองอี่" สัญลักษณ์ที่ยังมีชีวิต
แม้จะไม่มีใครกล้านั่งลงบนลองอี่ในปัจจุบัน แต่บัลลังก์แห่งนี้ยังคงดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวและนักวิชาการจากทั่วโลก
นักโบราณคดีจำนวนมากยังคงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ งานช่างฝีมือ และ บริบททางประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับบัลลังก์นี้ เพื่อคลี่คลายความลึกลับที่ซ่อนอยู่
เรื่องราวของลองอี่ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ ตำนาน หรือประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่า ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง
