หยุดเถียงกัน! "ลูกชาย-ลูกสาว" ใครเลี้ยงยากกว่า? วิจัยเฉลยแล้ว ความลับสมองและฮอร์โมน
ลูกชายหรือลูกสาว ใครเลี้ยงยากกว่ากัน? งานวิจัยวิทยาศาสตร์มีคำตอบ เผยความลับสมองและฮอร์โมน
คำถามที่พ่อแม่หลายคนถกเถียงกันไม่จบว่า เลี้ยงลูกชายหรือลูกสาวอย่างไหนยากกว่ากัน? บางคนบอกว่าลูกสาวเลี้ยงยากเพราะร้องไห้บ่อย อ่อนไหว และขี้งอน แต่ส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่มักบอกว่า เลี้ยงลูกชายยากและเหนื่อยกว่าจริงๆ
ลูกชายมักเปรียบเหมือน “เครื่องจักรไม่รู้จักหยุด” ที่มีพลังงานล้นเหลือ วิ่งเล่นไม่หยุดหย่อน และซนตลอดเวลา แม้พ่อแม่จะเหนื่อยแค่ไหน ลูกชายก็ยังเต็มใจเล่นต่อ
ทำไมเลี้ยงลูกชายถึงดู “ใช้แรงมากกว่า”?
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการตั้งใจซนของเด็ก แต่เป็นสิ่งที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ในสมองและฮอร์โมนตั้งแต่แรกเกิด
1. สมองลูกชายมีความแตกต่าง
นักวิทยาศาสตร์พบว่าในสมองลูกชาย ส่วนที่เรียกว่า “ทอล์มส์” หรือสะพานเชื่อมระหว่างซีกสมองซ้ายและขวา มีขนาดเล็กกว่าและพัฒนาช้ากว่าลูกสาวประมาณ 1 ปี ผลที่ตามมาคือ
2. ฮอร์โมนพิเศษ: เทสโทสเตอโรน
ลูกชายมีพลังงานเยอะ ชอบเคลื่อนไหวและท้าทายสิ่งใหม่ ๆ เพราะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาร่างกายและสมองของเด็กชาย
เทสโทสเตอโรน ไม่เพียงกระตุ้นการเจริญเติบโตทางร่างกาย ยังทำให้เด็กชายมีความต้องการเคลื่อนไหวไม่หยุดหย่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ลูกชายเล่นนอกบ้านได้นานทั้งวัน ในขณะที่พ่อแม่อาจรู้สึกเหนื่อยแทบแย่
3. ลูกชายมักไม่ถนัดแสดงอารมณ์ด้วยคำพูด
เมื่อลูกชายโกรธหรือเสียใจ มักไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้ดี งานวิจัยระบุว่า เมื่ออารมณ์รุนแรงขึ้น ส่วนสมองที่ควบคุมความรู้สึกทำงานมากขึ้น แต่ส่วนที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาในสมองกลับทำงานน้อยกว่าเด็กหญิง
ดังนั้น ลูกชายจึงมักแสดงออกด้วยการกระทำ เช่น โยนของ ตะโกน หรือเงียบงอล พ่อแม่ควรช่วย “ถอดรหัส” ความรู้สึก เช่น พูดว่า “ลูกคงเสียใจเพราะของเล่นพังใช่ไหม?” เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าได้รับการเข้าใจและเริ่มเรียนรู้วิธีแสดงอารมณ์ด้วยคำพูดมากขึ้น
4. เคล็ดลับช่วยเลี้ยงลูกชายให้ง่ายขึ้น
เลี้ยงลูกชายอาจจะเหนื่อยและท้าทายกว่าลูกสาว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องยากเกินไป เมื่อพ่อแม่เข้าใจความแตกต่างทางสมองและฮอร์โมน การเลี้ยงดูลูกชายจะลดแรงกดดันและเพิ่มความสนุกสนานมากขึ้น
- ฮาร์วาร์ดยืนยัน 3 ลักษณะเด่นใน "อัจฉริยะตัวน้อย" ระบุได้ตั้งแต่เด็กๆ มีแค่ 1 ข้อก็โชคดีแล้ว!
- ทารกที่เกิดจากพ่อแม่ "กรุ๊ปเลือดนี้" วิจัยยืนยัน จะมี IQ โดยกำเนิด "สูงกว่า" เพื่อนร่วมรุ่น
ลูกชายแต่ละคนเปรียบเสมือน “ขุมทรัพย์” ที่เต็มไปด้วยพลัง ความอยากรู้อยากเห็น และจิตวิญญาณการผจญภัย หากเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม คุณสมบัติเหล่านี้จะกลายเป็นพลังและทรัพย์สินล้ำค่าสำหรับอนาคตของลูก!
.jpg)