รู้ไว้ดีกว่า! 4 อาหารเช้า "ทรมารม้าม" แต่หลายคนเข้าใจผิด ว่าทั้งอร่อยและมีประโยชน์
4 อาหารเช้าที่ “ทรมาน” ม้ามและกระเพาะอาหาร แต่หลายคนเข้าใจว่าดีและอร่อย!
นอกจากการไม่ทานอาหารเช้าแล้ว การเลือกกินอาหารเช้าผิดประเภทก็ถือเป็นข้อผิดพลาดที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพซึ่งพบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน
หลายคนมักคิดว่าแค่ไม่ทานอาหารเช้าจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่กลับละเลยความสำคัญของการเลือกอาหารที่เหมาะสมหลังตื่นนอน เพราะหลังจากนอนหลับยาวนาน ร่างกายต้องการพลังงานสูงสุด และในขณะเดียวกัน ระบบภูมิคุ้มกันก็อ่อนแอลง ทำให้อวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะม้ามและกระเพาะอาหารได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอาหารที่เรากินเข้าไป
1. อาหารทอด
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าอาหารทอดมีน้ำมันเยอะ จึงให้พลังงานและกระตุ้นความอยากอาหาร เหมาะสำหรับมื้อเช้า แต่ในความเป็นจริง อาหารทอดเป็นกลุ่มอาหารที่ควรกินอย่างระมัดระวังตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในมื้อเช้าที่ท้องยังว่าง เพราะยิ่งทำร้ายม้ามและกระเพาะอาหารมากขึ้น
อาหารทอดมักมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ แต่มีไขมันสูง ทำให้พลังงานที่ได้รับไม่เพียงพอสำหรับร่างกายในช่วงเช้า การทอดที่อุณหภูมิสูงยังทำลายวิตามินและโปรตีน รวมถึงสร้างสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การกินอาหารทอดในตอนเช้าเพิ่มความเสี่ยงโรคกระเพาะอาหารและโรคมะเร็งได้ อีกทั้งยังทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และระบบย่อยอาหารผิดปกติ นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสเกิดโรคอ้วนและปัญหาการเผาผลาญอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของม้าม
2. อาหารดิบหรือสุกไม่เต็มที่
กลุ่มอาหารนี้มักถูกมองว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับมื้อเช้า เช่น ไข่ลวก ซาชิมิ หรือสเต๊กสุกน้อย แต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อกินในมื้อเช้า
เพราะระบบภูมิคุ้มกันในช่วงเช้าอ่อนแอ กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดมากทำให้ย่อยอาหารยากและอาจทำลายเยื่อบุ กระเพาะอาหารได้รับความเสียหาย อาหารดิบยังทำให้ม้ามทำงานผิดปกติ ส่งผลให้รู้สึกเบื่ออาหาร และท้องอืดไม่สบายตัว
แพทย์แผนจีนเชื่อว่าการย่อยอาหารและการลำเลียงสารอาหารต้องใช้พลังงานจากม้าม หากกินอาหารดิบหรือเย็นบ่อย ๆ จะทำให้ม้ามเกิดภาวะขาดพลังและป่วยง่าย โดยเฉพาะมื้อเช้าซึ่งเป็นมื้อแรกของวัน ส่งผลเสียมากกว่า
3. อาหารเหลือที่อุ่นซ้ำ
นี่เป็นนิสัยการกินที่สะดวกและประหยัดเวลามาก แต่มีผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก การกินอาหารเหลือที่เก็บไว้นานอาจเสี่ยงต่อการท้องเสีย ปวดท้อง และทำให้ม้ามอ่อนแอลง รวมถึงอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง
อาหารที่ผ่านการเก็บในตู้เย็นข้ามคืนมักมีสารไนไตรต์สูง ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกลายเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะข้าว อาหารทะเล ผักใบเขียว และต้มกระดูกที่เก็บไว้นาน แม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตาม
นอกจากนี้ การเก็บอาหารในตู้เย็นที่เต็มแน่น อาจทำให้แบคทีเรียปนเปื้อนในอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารประเภทไข่ ถั่วเหลือง ผักใบเขียว และอาหารทะเล ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคได้ ดังนั้นควรกินอาหารที่เตรียมใหม่ในมื้อเช้า เพื่อปกป้องสุขภาพโดยเฉพาะในช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันยังอ่อนแอ
4. เนื้อสัตว์แปรรูป
การได้รับโปรตีนในมื้อเช้าถือว่าจำเป็นและเหมาะสม แต่หากเลือกเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นประจำ อาจทำร้ายม้ามและกระเพาะอาหาร รวมถึงอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ทำให้เซลล์มะเร็งมีโอกาสเจริญเติบโต
เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม มักมีรสชาติอร่อยและสะดวก แต่เต็มไปด้วยสารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไนไตรต์ ไนเตรท และฮีม ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งได้
การกินโปรตีนมากเกินไปในมื้อเช้าจะเพิ่มการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เกิดการอักเสบและทำลายกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ เนื้อสัตว์แปรรูปมักมีไขมันและเครื่องเทศสูง ซึ่งส่งผลเสียต่อการทำงานของม้ามอย่างมาก
