รู้ไว้เตือนภัย! 6 สัญญาณชวนสงสัย ว่าโทรศัพท์มือถือของคุณอาจถูกแฮก
เช็ก 6 สัญญาณเตือน ถ้าโทรศัพท์ของคุณแสดงสัญญาณทั้ง 6 ข้อข้างต้นนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าถูกแฮกแล้ว
ปัจจุบันการสังเกตว่าโทรศัพท์ถูกแฮกหรือไม่ถือเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง จากข้อมูลของ Statista พบว่า ผู้ใช้ทั่วโลก 3 ใน 4 ใช้โทรศัพท์ส่งข้อความหรือโทรศัพท์, 6 ใน 10 ใช้ทำธุรกรรมธนาคาร และเกือบครึ่งใช้เป็นเครื่องมือหาทางไปยังจุดหมาย
นอกจากนี้ การสำรวจของ Pew Research ยังพบว่า ผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ราว 15% ใช้สมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียวในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เนื่องจากไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตประจำบ้าน
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า หากโทรศัพท์ของคุณถูกแฮก ชีวิตประจำวันอาจพลิกผันได้ง่าย ๆ และบัญชีธนาคารก็เสี่ยงถูกโจรกรรม บทความนี้จึงจะแนะนำวิธีสังเกตโทรศัพท์ที่ถูกแฮก วิธีป้องกัน และวิธีรับมือหากเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
โทรศัพท์ของฉันอาจถูกใครสักคนเจาะเข้ามาได้หรือไม่?
คำตอบคือ เป็นไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะใช้ iPhone หรือ Android อุปกรณ์ของคุณก็มีความเสี่ยงถูกเจาะทั้งคู่
อาชญากรไซเบอร์มีหลายวิธีในการเข้าควบคุมหรือขโมยข้อมูลจากโทรศัพท์ แม้ iPhone มักได้รับการประเมินว่าปลอดภัยกว่าเพราะมีระบบความปลอดภัยเข้มงวด แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเช่นกัน
มีเทคนิคการโจมตีหลายรูปแบบ การสังเกตสัญญาณเตือนจึงสำคัญ หนึ่งในวิธีที่พบบ่อยคือ การล่อลวงให้ผู้ใช้คลิกลิงก์อันตราย หรือดาวน์โหลดแอปจากร้านปลอม ซึ่งเรียกว่า social engineering (การโจมตีโดยหลอกลวง) มักทำผ่านอีเมลปลอม (phishing) นอกจากนี้ Wi-Fi สาธารณะปลอม ก็เป็นกับดักที่พบบ่อยเช่นกัน

สัญญาณเตือนว่าโทรศัพท์อาจถูกแฮก
หนึ่งในเหตุการณ์แฮกโทรศัพท์ที่โด่งดังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2019 เมื่อบัญชี Twitter ของ CEO แจ็ค ดอร์ซีย์ (ผู้ก่อตั้ง Twitter) โพสต์เนื้อหาประหลาดจำนวนมากอย่างกะทันหัน ทุกคนจึงสังเกตได้ทันทีว่าบัญชีของเขาถูกโจมตี
ในกรณีนี้ ผู้โจมตีอาจใช้เทคนิค SIM swap (สลับซิม) ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะ “ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย” จากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ
ในความเป็นจริง ผู้ใช้มักสังเกตเห็นความผิดปกติเพียงบางอย่างหรือหลายสัญญาณร่วมกัน สัญญาณเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏชัดเจนเสมอไป และบางครั้งอาจซับซ้อนมาก ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
1. แบตหมดเร็ว เครื่องร้อนผิดปกติ
หนึ่งในสัญญาณที่พบบ่อยว่าโทรศัพท์อาจถูกแฮก คือ แบตเตอรี่ลดเร็วผิดปกติ ซึ่งมักมาพร้อมกับเครื่องร้อน หากคุณสังเกตว่าแบตหมดเร็วมากกว่าปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติในโทรศัพท์ของคุณ
2. ค่าใช้จ่ายโทรศัพท์พุ่งสูงผิดปกติ
อีกหนึ่งสัญญาณว่าโทรศัพท์อาจถูกแฮก คือ ค่าใช้จ่ายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างไม่ปกติ เช่น บัญชีเติมเงินลดลงเร็วแม้ไม่ได้โทรหรือส่งข้อความมาก หรือตัวเลขการใช้งาน 3G/4G/5G เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจบ่งบอกว่าโทรศัพท์กำลังส่งข้อมูลหรือทำกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่
3. พบแอปพลิเคชันแปลกปลอม
หากโทรศัพท์ถูกเจาะ อาจมี แอปแปลก ๆ ปรากฏขึ้นโดยที่คุณไม่ได้ติดตั้ง นอกจากนี้ แอปที่ใช้อยู่เป็นประจำอาจเปิดช้า ปิดเอง หรือเปิดเองโดยที่คุณไม่ได้สั่งการ จึงควรสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
4. มีการแจ้งเตือนแปลก ๆ
บางครั้งโทรศัพท์อาจปรากฏ การแจ้งเตือนแปลก ๆ เช่น รหัสยืนยันสองขั้นตอน (OTP) ที่คุณไม่ได้ร้องขอ หรือหน้าต่างป๊อปอัปที่ไม่ชัดเจน อีกทั้งสิทธิ์เข้าถึงกล้องหรือไมโครโฟนอาจถูกเปลี่ยนโดยที่คุณไม่รู้ตัว
5. สูญเสียสิทธิ์เข้าถึงบัญชี
สัญญาณร้ายแรงที่สุดคือ ถูกล็อกออกจากบัญชี Apple ID, Google หรือบัญชีออนไลน์อื่น ๆ อย่างกะทันหัน ซึ่งมักบ่งบอกว่าผู้โจมตีเข้าควบคุมบัญชีของคุณแล้ว
6. การแจ้งเตือนจากซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย
การติดตั้งและรันซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ช่วยยืนยันว่าโทรศัพท์ติดมัลแวร์หรือไม่ โปรแกรมยอดนิยม เช่น Bitdefender, Norton, Kaspersky, AVG หรือ McAfee สามารถตรวจจับและกำจัดไวรัสหรือสปายแวร์ได้ หลังลบส่วนที่น่าสงสัยแล้ว ควร รีสตาร์ทโทรศัพท์และสแกนซ้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์สะอาดแล้ว

ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่าโทรศัพท์ถูกแฮก?
หากสังเกตสัญญาณว่าโทรศัพท์ถูกเจาะ ควร ลงมือทันทีเพื่อลดความเสียหาย
1. ตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต
รีบตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตของคุณทันที เพื่อให้แน่ใจว่ายังไม่มีธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
2. เปลี่ยนรหัสผ่าน
เปลี่ยนรหัสผ่านทั้งหมดทันที โดยเฉพาะรหัสผ่านของแอปและบริการที่เชื่อมโยงกับโทรศัพท์ที่ถูกเจาะ ให้ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกับรหัสเก่า
3. ลบแอปที่น่าสงสัย
ตรวจสอบแอปทั้งหมดในเครื่อง และลบแอปแปลกหรือแอปที่น่าสงสัย จากนั้น รีสตาร์ทโทรศัพท์และตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าแอปเหล่านั้นถูกลบเรียบร้อย
4. รีเซ็ตโทรศัพท์เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
หากโทรศัพท์มีหน้าต่างป๊อปอัปมากเกินไปหรือมีมัลแวร์ที่ไม่สามารถลบได้ ควร รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน แต่ต้องระวังเพราะวิธีนี้จะ ลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่อง จึงควรใช้เป็นทางออกสุดท้าย
5. แจ้งเพื่อนและคนใกล้ชิด
ควรแจ้งเพื่อนร่วมงานและคนใกล้ชิดให้รับทราบว่าโทรศัพท์ของคุณถูกแฮก เพื่อให้พวกเขาระวัง ข้อความหรือสายเรียกเข้าปลอม ที่อาจส่งออกจากอุปกรณ์ของคุณ
วิธีป้องกันโทรศัพท์จากการถูกแฮกในอนาคต
ไม่ว่าคุณจะเคยถูกแฮกหรือไม่ ก็ยังมีขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยให้โทรศัพท์ปลอดภัยมากขึ้น สิ่งสำคัญและทำได้ง่ายที่สุดคือ ติดตั้งซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ (เช่น แอปที่กล่าวไปแล้วข้างต้น) และ อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อป้องกันช่องโหว่
นอกจากนี้ ควร อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปอย่างสม่ำเสมอ เพราะการอัปเดตเหล่านี้มักแก้ไขช่องโหว่ที่ค้นพบแล้ว ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง และหลีกเลี่ยงการใช้ แท่นชาร์จสาธารณะและ Wi-Fi ฟรี หรือหากจำเป็นให้ ปิด Wi-Fi และ Bluetooth เมื่อไม่ได้ใช้งาน
เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คุณสามารถ เข้ารหัสข้อมูลในโทรศัพท์ ตั้งรหัสล็อกซิม และใช้ VPN เมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ เพื่อให้การเชื่อมต่อปลอดภัยยิ่งขึ้น และควร หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือ โดยเลือกใช้ Google Play (Android) และ App Store (iPhone) เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด