เนื้อหาในหมวด ข่าว

ปลาที่จีนเรียกว่า \

ปลาที่จีนเรียกว่า "โสมใต้น้ำ" ดีต่อตับไต อุดมธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัว เมืองไทยก็มีกิน!

"ปลากระทิง" ธาตุเหล็กสูงกว่าเนื้อวัว คนจีนขนานนามว่า “โสมใต้น้ำ”  คุณค่าทางโภชนาการสูง

ปลาคือหนึ่งในแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ดีต่อสุขภาพ อุดมด้วยกรดไขมันโอเมกา‑3 วิตามิน และแร่ธาตุ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมักแนะนำให้รับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิตและสมอง

ในกลุ่มปลาน้ำจืดที่พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลากระทิง ถือเป็นปลาพื้นบ้านที่มากด้วยคุณค่า ไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมในเวียดนาม แต่ยังเป็นปลาที่คนไทยหลายพื้นที่รู้จักดี ลักษณะเด่นคือลำตัวยาว หนวดรอบปาก และชอบอาศัยอยู่ตามพื้นท้องน้ำไหลเอื่อย

จากข้อมูลในหนังสือของจีนระบุว่า ปลากระทิง 100 กรัม ให้ธาตุเหล็กราว 2.9 – 3.2 มิลลิกรัม ขณะที่เนื้อวัว 100 กรัมมีธาตุเหล็กประมาณ 2.6 มิลลิกรัม จึงไม่แปลกที่คนจีนจะเรียกปลากระทิงว่า “โสมใต้น้ำ” เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูงและช่วยบำรุงร่างกาย

  • โปรตีน 17–20 กรัม
  • แคลเซียม 299 มิลลิกรัม
  • สังกะสี 2.76 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม
  • ไขมันต่ำเพียง 2 กรัม
  • วิตามิน A, B1, B3, E และกรดอะมิโนลัยซีน

ปลากระทิงไม่ได้แค่ดีต่อร่างกายทั่วไป แต่ยังช่วยในด้านสุขภาพเฉพาะทางได้หลายด้าน เช่น

  • บำรุงเลือด: ด้วยปริมาณธาตุเหล็กที่สูง ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง โดยเฉพาะในผู้หญิงและเด็ก
  • บำรุงตับและไต: มีสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่ายและล้างพิษ
  • เสริมสร้างกระดูก: แคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน
  • เสริมสมรรถภาพทางเพศ: ลัยซีนช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเพศและการสร้างสเปิร์ม
  • วิธีปรุงปลากระทิง

    ปลากระทิงสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ ผัดเผ็ด แกงคั่ว หรือต้มกับสมุนไพรแบบเวียดนาม ไม่เพียงเพิ่มรสชาติอร่อย แต่ยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

    ปลากระทิงเป็นปลาน้ำจืดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะธาตุเหล็กที่มากกว่าเนื้อวัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงเลือด เสริมสุขภาพตับไต และระบบสืบพันธุ์ การบริโภคปลากระทิงเป็นประจำถือเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ