มีใน Netflix หนังอีโรติก Lady Chatterley's Lover ตำนาน "เสวเอาท์ดอร์" ถูกรีเมกถึง 3 รอบ
รู้จัก Lady Chatterley's Lover วรรณกรรมอีโรติกสุดคลาสสิก สู่ภาพยนตร์ 3 เวอร์ชั่นที่เคยถูกแบน
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ Lady Chatterley's Lover ผ่านตามาบ้าง โดยเฉพาะเวอร์ชันล่าสุดที่ฉายบน Netflix ซึ่งนำแสดงโดย เอ็มมา คอร์ริน แต่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องนี้คือวรรณกรรมสุดคลาสสิกของนักเขียนชาวอังกฤษ ดี. เอช. ลอว์เรนซ์ ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกจนถูกสั่งแบนในหลายประเทศ ด้วยเนื้อหาที่ท้าทายศีลธรรมและบรรทัดฐานทางสังคมในยุคนั้น
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับเรื่องราวต้นฉบับ ความขบถที่ซ่อนอยู่ และภาพยนตร์ 3 เวอร์ชั่นเด่นๆ ที่ดัดแปลงวรรณกรรมอื้อฉาวเรื่องนี้ขึ้นสู่จอภาพยนตร์ ซึ่งแต่ละเวอร์ชันก็มีการตีความและเสียงวิจารณ์ที่แตกต่างกันออกไป
ความคลาสสิกของบทประพันธ์ Lady Chatterley's Lover
วรรณกรรมเรื่อง Lady Chatterley's Lover ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1928 บอกเล่าเรื่องราวของ คอนสแตนซ์ "คอนนี่" แชตเตอร์เลย์ สุภาพสตรีชั้นสูงที่แต่งงานกับ เซอร์คลิฟฟอร์ด แชตเตอร์เลย์ ขุนนางผู้พิการท่อนล่างจากสงคราม ทำให้ชีวิตแต่งงานของเธอแห้งเหี่ยวและไร้ซึ่งความสัมพันธ์ทางกาย จนกระทั่งเธอได้พบกับ โอลิเวอร์ เมลเลอร์ส คนดูแลสัตว์ในที่ดินของสามี และเริ่มต้นความสัมพันธ์ต้องห้ามที่ลึกซึ้งทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ความพิเศษของบทประพันธ์นี้ไม่ได้อยู่ที่เพียงฉากอีโรติกเท่านั้น แต่เป็นการวิพากษ์สังคมอย่างแหลมคม ทั้งประเด็นช่องว่างระหว่างชนชั้น ปัญหาการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ทำให้มนุษย์ห่างเหินจากธรรมชาติ และที่สำคัญคือการนำเสนอเรื่องราวของความปรารถนาทางเพศของผู้หญิงอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสังคมอนุรักษนิยมในยุคนั้นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หนังสือถูกสั่งแบนในหลายประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักรเป็นเวลานานหลายสิบปีก่อนจะได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์ฉบับสมบูรณ์หลังการต่อสู้ในชั้นศาล
สู่ภาพยนตร์ 3 เวอร์ชั่นบนจอภาพยนตร์
ด้วยความคลาสสิกและเนื้อหาที่น่าสนใจ ทำให้ Lady Chatterley's Lover ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง โดยมี 3 เวอร์ชั่นที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำมากที่สุด ดังนี้
Lady Chatterley's Lover (1981) - เวอร์ชั่นของ ซิลเวีย คริสเทล

เวอร์ชั่นปี 1981 นำแสดงโดย ซิลเวีย คริสเทล ซึ่งโด่งดังมาจากภาพยนตร์อีโรติกเรื่อง "Emmanuelle" การตีความในเวอร์ชันนี้เน้นไปที่ฉากเซ็กซ์ที่โจ่งแจ้งและร้อนแรงตามสไตล์ของผู้กำกับ ทำให้ได้รับเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการดัดแปลงที่เน้นขายความวาบหวิวมากกว่าจะลงลึกถึงแก่นแท้ของบทประพันธ์ที่ต้องการสื่อถึงเรื่องชนชั้นและจิตวิญญาณ แม้จะไม่ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์มากนัก แต่ก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่ถูกพูดถึงในแง่ของความกล้านำเสนอในยุคนั้น
Lady Chatterley's Lover (2015) - เวอร์ชั่นของ ฮอลลิเดย์ เกรนเจอร์

เวอร์ชันนี้เป็นผลงานการสร้างของ BBC นำแสดงโดย ฮอลลิเดย์ เกรนเจอร์ ภาพยนตร์ฉบับนี้เลือกที่จะลดทอนฉากอีโรติกที่โจ่งแจ้งลง แต่ไปเน้นที่พัฒนาการความสัมพันธ์และอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครแทน ทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงความโดดเดี่ยวของเลดี้แชตเตอร์เลย์ และความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความแตกต่างทางชนชั้น เวอร์ชั่นนี้ได้รับคำชมในแง่ของการแสดงที่ลึกซึ้งและการเล่าเรื่องที่ละเมียดละไม ทำให้เป็นที่ยอมรับในฐานะภาพยนตร์ดราม่าย้อนยุคคุณภาพเรื่องหนึ่ง
Lady Chatterley's Lover (2022) - เวอร์ชั่นของ เอ็มมา คอร์ริน

เวอร์ชั่นล่าสุดจาก Netflix ที่ได้ เอ็มมา คอร์ริน (ผู้รับบทเจ้าหญิงไดอาน่าใน The Crown) มารับบทนำ การตีความในยุคใหม่นี้มีความสมดุลระหว่างความลึกซึ้งทางอารมณ์และฉากความสัมพันธ์ทางกายที่นำเสนออย่างมีศิลปะมากขึ้น ภาพยนตร์เวอร์ชันนี้ได้รับการชื่นชมว่าเคมีระหว่างนักแสดงนำนั้นยอดเยี่ยม และสามารถถ่ายทอดความปรารถนาในการปลดแอกตัวเองจากพันธนาการทางสังคมของตัวละครเอกออกมาได้อย่างทรงพลัง ทำให้เรื่องราวของ Lady Chatterley's Lover กลับมาเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่อีกครั้ง
บทสรุป: วรรณกรรมที่ไม่เคยล้าสมัย
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย เรื่องราวของ Lady Chatterley's Lover ก็ยังคงถูกนำกลับมาเล่าใหม่อยู่เสมอ สะท้อนให้เห็นว่าแก่นของเรื่องที่ว่าด้วยการค้นหาตัวตน ความรักที่ข้ามผ่านกำแพงชนชั้น และการโหยหาอิสรภาพนั้นเป็นสิ่งที่สากลและไม่เคยล้าสมัย การนำเสนอเรื่องเพศอย่างตรงไปตรงมาอาจไม่ใช่เรื่องน่าตกใจสำหรับสังคมปัจจุบัน แต่คุณค่าทางวรรณกรรมที่ท้าทายขนบเดิมๆ ยังคงทำให้เรื่องนี้มีความคลาสสิกและน่าสนใจเสมอ