ปลายอดนิยม "กินแล้วตาย" ที่แท้ปรุงผิดวิธี แพทย์ชี้ 2 จุดพลาดกลายเป็นเมนูมรณะ
เมนูปลายอดนิยม "กินแล้วตาย" หามส่งโรงพยาบาลนับสิบ ที่แท้ปรุงผิดวิธี แพทย์ชี้ 2 จุดอันตรายที่หลายคนมองข้าม
โรงพยาบาลทั่วไปเขตภูเขาภาคเหนือ จังหวัดกว๋างนาม เวียดนาม รับผู้ป่วย 3 กลุ่ม รวม 10 ราย ได้รับพิษโบทูลินัม (Botulinum) จากการกินปลาไนหมักเกลือ ในจำนวนนี้มี 1 รายเสียชีวิต
ตัวอย่างอาหารที่ผู้ป่วยกินถูกส่งไปตรวจที่สถาบันปาสเตอร์ญาตรัง ผลออกมาว่ามีการปนเปื้อน เชื้อ Clostridium Botulinum type E (+) ทุกตัวอย่าง
ทันทีที่รับผู้ป่วย แพทย์โรงพยาบาลเขตภูเขาภาคเหนือกว๋างนามได้ประสานกับแพทย์โรงพยาบาลC hợ Rẫy เพื่อตรวจรักษา และมีการนำ ยาต้านพิษ Botulinum (Botulism Antitoxin Heptavalent - BAT) ที่เหลืออยู่เพียง 5 ขวดจากโรงพยาบาล Chợ Rẫy มาใช้รักษาผู้ป่วยอาการหนัก ยานี้ถือเป็นยาหายาก ราคาสูงกว่า 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อขวด
ปลาหมักดอง เสี่ยงพิษร้ายแรงกว่าที่คิด
ตามรายงานระบุว่า ปลาหมักนี้ถือเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวเขาในกว๋างนาม นอกจากปลาไนแล้ว ยังมีการใช้ปลาอื่น ๆ เช่น ปลานิล ปลาเนียน ปลาดุก รวมถึงเนื้อหมู หนังควาย และหนังวัวหมักดองเช่นกัน
วิธีทำคือทำความสะอาดปลา หั่นเป็นท่อน คลุกเกลือ ผสมกับข้าวสุก แล้วนำไปใส่โถปิดสนิทหมักไว้ 2-3 สัปดาห์ วิธีทำคล้ายกับปลาส้มที่คนไทยนิยมรับประทาน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมเหมาะต่อการเจริญของเชื้อโบทูลินัม
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ระบุว่า เชื้อ C. Botulinum เป็นแบคทีเรียที่เจริญในสภาพไร้ออกซิเจน และจะไม่สามารถเจริญได้หากอยู่ในสภาพเป็นกรด (pH < 4.6) หรือมีเกลือเข้มข้น (>5%)
พิษที่เชื้อสร้างขึ้นคือ Botulinum toxin ซึ่งมีความร้ายแรงสูงมาก เพียง 0.03 ไมโครกรัมที่ฉีดเข้าหลอดเลือดดำก็สามารถฆ่าคนหนัก 70 กก. ได้ และเพียง 1 กิโลกรัมอาจทำให้คน เสียชีวิตได้ถึง 1 พันล้านคน

วิธีป้องกัน
ศ.ดร.นพ. Đỗ Văn Dũng คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทย์โฮจิมินห์ ให้ข้อมูลว่า กรณีผู้ป่วย 3 กลุ่มในกว๋างนาม อาจเกิดจากการ หมักปลาไนที่เกลือไม่เข้มข้นพอ และ กินเร็วเกินไป ก่อนที่ค่าความเป็นกรด (pH) จะต่ำพอที่จะยับยั้งเชื้อโบทูลินัม
คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากพิษโบทูลินัม ได้แก่:
-
ใช้เกลือให้เพียงพอ (20%) หรือผสมเกลือ 5% ร่วมกับสภาวะเป็นกรด (pH < 5)
-
ไม่ควรกินปลาเร็วเกินไป ต้องให้ถึงเวลาที่กำหนด
-
ควรนำปลาไป นึ่งหรือ ต้มให้สุก ก่อนรับประทาน
กระทรวงสาธารณสุขยังเตือนว่า อาหารอื่น ๆ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล หากผลิตหรือเก็บรักษาไม่ถูกต้อง ก็เสี่ยงเกิดพิษโบทูลินัมได้เช่นกัน
วิธีป้องกันที่ดีที่สุด
-
เลือกซื้ออาหารที่มีแหล่งที่มาชัดเจน ได้มาตรฐาน และไม่หมดอายุ
-
ระวังอาหารกระป๋องหรืออาหารหมักที่มีสี กลิ่น หรือรสผิดปกติ
-
ควรเลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ เพราะความร้อนสามารถทำลายพิษโบทูลินัมได้
-
ดูแลบาดแผลบนผิวหนังไม่ให้ติดเชื้อ C. botulinum
-
เด็กทารกไม่ควรกินน้ำผึ้งหรือใช้รังผึ้งทาปาก
หากกินอาหารต้องสงสัยแล้วมีอาการ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต เริ่มจากศีรษะและคอลงไป ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที