
มีดีอะไร? "ผ้าห่มหกเหลี่ยม" คนขอซื้อ 3 หมื่น แต่ยายยืนยัน "ไม่ขาย" แพงเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม!
ทำไม “ผ้าห่มหกเหลี่ยม” จากภาคใต้ตอนล่างเวียดนาม ถึงมีคนขอซื้อราคากว่า 20 ล้านด่ง แต่เจ้าของยังคงไม่ยอมขาย?
ภาคใต้ตอนล่างของเวียดนาม เป็นที่รู้จักในฐานะดินแดนแห่งสายน้ำสงบ วิถีชีวิตเรียบง่าย และเสียงเพลงพื้นบ้านที่ไพเราะ แต่ใครจะรู้ว่าที่นี่ยังมีงานฝีมือชิ้นเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางจิตใจและความประณีต อย่างผ้าห่มหกเหลี่ยม ที่ทำจากเศษผ้าหลากสีตัดเป็นรูปหกเหลี่ยมแล้วเย็บต่อกันเหมือนรังผึ้ง กลายเป็นผ้าห่มสีสันสดใสที่ไม่เหมือนใคร
ผ้าห่มหกเหลี่ยมนี้ เป็นงานฝีมือที่ใช้เวลานานและความอดทนสูง แต่ละผืนต้องใช้เวลาทำหลายเดือนจนถึงหลายปี โดยมีขั้นตอนการตัดผ้าเย็บประกอบอย่างละเอียด รวมถึงการเย็บซ้อนใยผ้าด้านในเพื่อให้ผ้าห่มทั้งทนทานและอบอุ่น แม้จะดูเหมือนงานง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ รสนิยมความงาม และความพิถีพิถันอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้ผ้าห่มนี้พิเศษยิ่งขึ้นคือ ทุกผืนจะไม่เหมือนกัน เพราะช่างฝีมือแต่ละคนจะออกแบบลวดลายและจับคู่สีในแบบของตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจลำบาก พวกเขาจะนำเศษผ้าที่เหลือจากร้านตัดเย็บผ้ามาตัดและเย็บใหม่จนกลายเป็นผ้าห่มที่ใช้ได้จริงและสวยงาม งานนี้จึงเปรียบเสมือนของที่ระลึกที่บรรจุทั้งแรงงานและความรัก
ล่าสุด มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียคนหนึ่งโพสต์ว่า ผ้าห่มหกเหลี่ยมผืนหนึ่งถูกถามราคา กว่า 20 ล้านด่ง (ประมาณ 30,000 บาท) แต่ยายไม่ยอมขาย เพราะผ้าห่มผืนนี้ใช้เวลาทำถึง 25 เดือน หรือกว่า 2 ปี ขั้นตอนการทำก็ละเอียดพิถีพิถันมาก จึงถือเป็น “ของล้ำค่า” ที่ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินได้
ชาวบ้านที่เคยทำผ้าห่มแบบนี้ต่างเห็นด้วยว่า เป็นงานที่ยากและใช้เวลานานมากๆ อีกทั้งยังเป็นของที่มีคุณค่าทางความทรงจำ โดยหลายคนเล่าว่า ผ้าห่มนี้นุ่มสบาย เย็นในวันที่ร้อน และอบอุ่นในวันที่หนาว แถมแค่เห็นก็ทำให้นึกถึงความทรงจำดีๆ ในวัยเด็ก
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต:
“ผ้าห่มนี้ทำด้วยความละเอียดและความอดทนสูง แม่เคยช่วยแกะด้ายจนหลังแทบหัก”
“ชอบผ้าห่มนี้มาก ๆ นุ่มสบาย และต้องใช้เวลานานกว่าจะเย็บลวดลายสวย ๆ ได้”
“ผ้าห่มนี้ทนทานมาก ป้าเย็บไว้ตั้งแต่ปี 1998 ตอนนี้ยังดีอยู่เลย”
“อากาศร้อนก็เย็นสบาย หนาวก็อบอุ่น จำได้ว่าต้องใช้เวลาทำถึง 3 เดือน”
“แม่บ้านเย็บมือทุกขั้นตอน และแต่ละบ้านมีเอกลักษณ์ของตัวเอง สวยมาก”
ผ้าห่มหกเหลี่ยมจึงไม่ใช่แค่ผ้าห่มธรรมดา แต่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมและความทรงจำ ที่สะท้อนถึงความอดทนและความรักของผู้คนในภาคใต้ตอนล่างอย่างแท้จริง