
จีวรพระสีส้มชัดๆ แต่ทำไมคนไทยเรียก "ผ้าเหลือง" กันจนคุ้นชิน?
หากเอ่ยถึงพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ภาพจำที่หลายคนคุ้นตาคือการห่มจีวรสีส้ม แต่คนไทยกลับนิยมเรียกว่า “ผ้าเหลือง”
คำนี้กลายเป็นสัญลักษณ์แทนการบวชและวิถีสงฆ์มาช้านาน จนหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมจึงไม่เรียกตรงตัวว่าสีส้ม?
ที่มาของคำว่า “ผ้าเหลือง”
ในอดีต สีของจีวรพระไม่ได้มีเพียงสีส้ม แต่ใช้วัสดุธรรมชาติอย่างเปลือกไม้ ใบไม้ หรือดินมาเป็นสีย้อม ทำให้ได้โทนสีที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่เหลืองอ่อน เหลืองหม่น น้ำตาล ไปจนถึงส้มเข้ม
สีที่ออกมาจึงไม่ได้ตายตัว และคำว่า “ผ้าเหลือง” ถูกใช้เรียกโดยรวมแทนจีวรพระ โดยอิงตามโทนสีหลักที่มักออกไปทางเหลือง
เหตุผลด้านวัฒนธรรมและภาษา
แม้จีวรพระในปัจจุบันที่เห็นบ่อยจะเป็นสีส้มสด แต่ในวัฒนธรรมไทย คำว่า “เหลือง” มักถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์แทนพระพุทธศาสนา เช่น “ธงพระธรรมจักร” ที่เป็นสีเหลือง
รวมถึงคำเปรียบเปรยอย่าง “เข้าสู่ผ้าเหลือง” ที่หมายถึงการบวช จึงทำให้ “ผ้าเหลือง” กลายเป็นคำเรียกที่ติดปากมากกว่าการบอกสีจริง
สีจีวรในแต่ละประเทศ
ไม่เพียงแต่ไทยเท่านั้นที่ใช้จีวรสีส้ม–เหลือง ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างพม่า ศรีลังกา และ กัมพูชา ก็นิยมใช้โทนสีใกล้เคียงกัน
แต่ถ้าไปยังทิเบต จะเห็นจีวรพระสีแดงเข้ม ส่วนในจีน ญี่ปุ่น หรือ เกาหลี พระสงฆ์จำนวนมากห่มจีวรสีเทา หรือน้ำตาล ซึ่งสะท้อนความแตกต่างด้านวัฒนธรรมและนิกายทางพระพุทธศาสนา
“ผ้าเหลือง” ในความหมายเชิงสัญลักษณ์
สำหรับชาวพุทธไทย “ผ้าเหลือง” ไม่ได้หมายถึงแค่สีของจีวรเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการสละทางโลก การบวชเรียน และการดำรงชีวิตตามพระธรรมวินัย
คำนี้จึงสื่อถึงคุณค่าทางจิตใจและศรัทธา มากกว่าการจำกัดอยู่เพียงคำบรรยายสี
บทสรุป
แม้จีวรพระในปัจจุบันจะมีโทนสีส้มสด แต่คนไทยยังคงเรียกติดปากว่า “ผ้าเหลือง” เพราะรากทางภาษา วัฒนธรรม และความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง
คำเรียกนี้จึงไม่ใช่เพียงการบอกสี หากแต่เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่สืบทอดต่อกันมา