
รายพระนาม "28 เจ้านายสำคัญ" ที่ในอดีตถูกสำเร็จโทษด้วย "ท่อนจันทน์" มีใครบ้าง?
ในสมัยโบราณ “ไม้จันทน์” ถือเป็นไม้หอมที่มีค่ามาก มักถูกนำมาใช้สร้างวัง ตำหนัก ทำโกศ หีบบรรจุศพ และเป็นเชื้อเพลิงเผาศพ
แต่ยังมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญ คือการใช้เป็น เครื่องมือสำเร็จโทษเจ้านายชั้นสูง
เหตุผลที่ต้องใช้ไม้จันทน์
โบราณเชื่อกันว่า เจ้านายหรือพระมหากษัตริย์ไม่อาจถูกประหารด้วยของมีคม เพราะหากเลือดตกถึงแผ่นดินจะก่อให้เกิดอาเพศ เช่น ความอดอยาก โรคภัย ภัยธรรมชาติ หรือความวุ่นวายในบ้านเมือง
ดังนั้นจึงเลือกใช้ ท่อนจันทน์ ซึ่งทำจากไม้จันทน์หอมแทนการใช้ดาบ โดยต้องห่อหุ้มด้วยผ้าแดงตามคติความเชื่อ
ลักษณะของท่อนจันทน์
ท่อนจันทน์มีรูปร่างคล้ายค้อนขนาดใหญ่ ปลายด้านหนึ่งโต อีกด้านหนึ่งเล็ก คล้ายสากตำข้าว ทำจากไม้จันทน์หอม หลังจากการประหารเสร็จสิ้น มักฝังท่อนไม้ไปพร้อมกับพระศพ
ขั้นตอนการประหาร
-
พันธนาการร่างและสวมถุงแดงตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า เพื่อไม่ให้ผู้ใดสัมผัสพระวรกายหรือเห็นพระศพ
-
เพชฌฆาตทำพิธีไหว้ครูและขอขมา
-
ใช้ท่อนจันทน์ทุบลงที่พระนาภีหรือพระเศียร
-
นำพระศพไปฝังที่ “โคกพญา” และจัดเวรยามเฝ้า 7 วัน
กฎหมายและการใช้จริง
ในกฎมณเฑียรบาลสมัยอยุธยา ได้ระบุชัดว่า หากเจ้านายต้องโทษถึงชีวิต จะต้องใช้ท่อนจันทน์ประหาร ไม่ใช้ดาบเหมือนสามัญชน
วิธีนี้มีมาตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา และเลิกใช้ในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
รายพระนามผู้ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์
- สมเด็จพระเจ้าทองลัน พระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระราเมศวร
- สมเด็จพระรัษฎาธิราช พระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (หน่อพุทธางกูร) – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระไชยราชาธิราช
- สมเด็จพระยอดฟ้า พระราชโอรสในสมเด็จพระไชยราชาธิราช – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ ขุนวรวงศาธิราช และแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์
- ขุนวรวงศาธิราช และ แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
- สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเอกาทศรถ – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
- พระพันปีศรีศิลป์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และพระอนุชาในสมเด็จพระเชษฐาธิราช – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเชษฐาธิราช
- สมเด็จพระเชษฐาธิราช และ สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
- สมเด็จเจ้าฟ้าไชย พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา
- สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา พระอนุชาในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- พระไตรภูวนาทิตยวงศ์ และ พระองค์ทอง พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- เจ้าฟ้าอภัยทศ พระราชโอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี (พระเจ้าเสือ)
- เจ้าพระขวัญ พระราชโอรสในสมเด็จพระเพทราชา – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี (พระเจ้าเสือ)
- พระองค์เจ้าดำ พระราชโอรสในสมเด็จพระเพทราชา – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ
- เจ้าฟ้าอภัย และ เจ้าฟ้าปรเมศร์ พระราชโอรสในสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
- เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เดิมต้องโทษประหารด้วยท่อนจันทน์ แต่ลดเหลือโทษโบย 180 ที จนสิ้นพระชนม์
- กรมหมื่นจิตรสุนทร, กรมหมื่นสุนทรเทพ และ กรมหมื่นเสพภักดี พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร
- กรมหมื่นเทพพิพิธ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
- สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ รัชกาลที่ 1
- พระองค์เจ้าลำดวน และ พระองค์เจ้าอินทปัต พระราชโอรสในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ รัชกาลที่ 1
- กรมขุนกษัตรานุชิต (เจ้าฟ้าเหม็น) พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ รัชกาลที่ 3
- กรมหลวงรักษ์รณเรศ (หม่อมไกรสร) พระราชโอรสในรัชกาลที่ 1 – ผู้สั่งสำเร็จโทษคือ รัชกาลที่ 3
(เจ้านายที่ทรงถูกสำเร็จโทษทั้ง 28 พระองค์นี้ นับเป็นกรณีใหญ่ทางการเมืองแห่งยุคสมัย ยังมีเจ้านายอีกหลายพระองค์ที่ทรงถูกสำเร็จโทษด้วยการประหารตัดพระเศียร และทุบด้วยท่อนจันทน์)
บทสรุป
“ท่อนจันทน์” จึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือสำเร็จโทษ แต่เป็น สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและคติความเชื่อ ที่สะท้อนถึงการแยกสถานะระหว่างเจ้านายกับสามัญชน
การใช้ไม้หอมศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้แทนดาบ คือการหลีกเลี่ยงไม่ให้เลือดเจ้านายตกถึงแผ่นดิน เพื่อปกป้องบ้านเมืองจากอาเพศตามความเชื่อดั้งเดิม