เนื้อหาในหมวด ข่าว

เปิดชื่อ 5 กษัตริย์ \

เปิดชื่อ 5 กษัตริย์ "ภรรยาเยอะที่สุด" ในประวัติศาสตร์โลก มีไทยติดโผ ไม่ใช่ ร.5 อย่างที่คิด!

เผยจำนวนชวนอึ้ง 5 กษัตริย์ "ภรรยาเยอะที่สุด" ในประวัติศาสตร์โลก ราชวงศ์โมร็อกโก-อินเดีย-ฝรั่งเศส-ไทย สะท้อนบทบาทในสังคมแต่ละยุค

ในประวัติศาสตร์โลก เรื่องของกษัตริย์ที่มีภรรยาจำนวนมากเป็นเรื่องที่ถูกบันทึกไว้ในหลายวัฒนธรรมและยุคสมัย การมีภรรยาหลายคนมักสะท้อนถึงอำนาจ ความมั่งคั่ง รวมถึงระบบสังคมและวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกเปิดชื่อ 5 กษัตริย์ที่มีเมียมากที่สุด พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าสนใจ

1. สุลต่านอิสมาอิล อิบน์ ชารีฟ  (Moulay Ismail Ibn Sharif) กษัตริย์โมร็อกโก

กษัตริย์แห่งโมร็อกโกในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 เขามีชื่อเสียงว่าเป็นกษัตริย์ที่มีภรรยามากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยเชื่อกันว่าเขามีภรรยาถึง 500 คน และลูกนับร้อยคน ระบบฮาเร็มและความมั่งคั่งของเขาทำให้สามารถเลี้ยงดูภรรยาและบุตรจำนวนมากได้

นอกจากนี้ กษัตริย์โมซาเมนดิชาห์ยังใช้การแต่งงานเพื่อสร้างพันธมิตรทางการเมือง ทำให้มีภรรยาจากหลากหลายเผ่าและตระกูลสำคัญทั่วอาณาจักร

 

2. กษัตริย์ซาโลมอน (King Solomon) ตามคัมภีร์ไบเบิล

กษัตริย์ซาโลมอน ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นที่รู้จักจากการมีภรรยาและหญิงรับใช้อย่างมากมาย รวมกันแล้วประมาณ 1,000 คน ประกอบด้วยภรรยา 700 คนและหญิงรับใช้อีก 300 คน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้มีลักษณะเป็นตำนานและอาจมีการขยายความเพื่อสื่อถึงอำนาจและความมั่งคั่ง

ซาโลมอนยังมีชื่อเสียงในด้านความฉลาดและการปกครองที่ยุติธรรม แม้ข้อมูลจำนวนภรรยาจะเป็นที่ถกเถียงกันในวงวิชาการ เนื่องจากข้อมูลมาจากคัมภีร์ไบเบิล ไม่ใช่หลักฐานประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีโดยตรง แต่ถือว่าเป็นตำนานทางศาสนา ที่สะท้อนถึงอำนาจ ความมั่งคั่ง และสติปัญญา

 

3.เฉียนหลงฮ่องเต้ (Qianlong Emperor) – จักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์ชิง

เฉียนหลงฮ่องเต้ (ครองราชย์ พ.ศ. 2278–2339) เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์ชิง และเป็นหนึ่งในพระมหาจักรพรรดิที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการขยายอาณาเขตและวางรากฐานความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมในยุคปลายของราชวงศ์ชิง

ในด้านชีวิตส่วนพระองค์ เฉียนหลงฮ่องเต้ทรงมีภรรยาและสนมในวังหลังมากกว่า 100 คน ซึ่งอยู่ภายใต้ระบบ ฮาเร็มหลวง (Imperial Harem) ที่ซับซ้อนและมีลำดับยศอย่างเคร่งครัด เช่น ฮองเฮา (จักรพรรดินี), หวงกุ้ยเฟย (สนมเอก), กุ้ยเฟย, เฟย และพิน ตามลำดับ

สนมเหล่านี้ไม่ได้มีหน้าที่เพียงในเชิงชีวิตส่วนพระองค์เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในราชพิธี การดูแลภายในวัง และบางคนก็มีอิทธิพลในทางการเมืองและราชสำนัก โดยเฉพาะเมื่อมีพระโอรสหรือธิดาที่ได้รับความโปรดปราน

ระบบฮาเร็มของราชวงศ์ชิงเป็นภาพสะท้อนของสังคมจักรวรรดิที่เน้นลำดับชั้น ความมั่นคงของราชบัลลังก์ และการควบคุมภายในราชสำนักอย่างเข้มงวด การมีสนมจำนวนมากจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว แต่ยังเป็นกลไกทางอำนาจภายในวังหลวงอีกด้วย

4. กษัตริย์อัครบาร์มหาราช (Akbar the Great) – จักรวรรดิโมกุลแห่งอินเดีย

กษัตริย์อัครบาร์ (ครองราชย์ พ.ศ. 2109–2150) ถือเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งราชวงศ์โมกุลในอินเดีย และมีภรรยาหลายสิบคน ซึ่งรวมถึงเจ้าหญิงจากราชวงศ์ราชบุตรต่างๆ ที่เขาแต่งงานด้วยเพื่อสร้างพันธมิตรทางการเมือง

แม้จะไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด แต่เอกสารประวัติศาสตร์เช่น Akbarnama (พงศาวดารของราชวงศ์) ระบุว่าอัครบาร์มีภรรยาอย่างน้อย 30 คน หรือมากกว่า ซึ่งหลายคนมีสถานะเป็นราชินีหรือมีตำแหน่งในราชสำนักอย่างชัดเจน

อัครบาร์ใช้การแต่งงานเชิงการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างเสถียรภาพให้กับอาณาจักรที่มีความหลากหลายทางศาสนาและชาติพันธุ์อย่างมาก การมีภรรยาหลายคนของเขาจึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรวมอำนาจและลดความขัดแย้งระหว่างฮินดู-มุสลิมในอินเดียยุคนั้น

5. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) – กษัตริย์ไทยที่มีภรรยามากที่สุดในราชวงศ์จักรี

แม้หลายคนจะเข้าใจว่า รัชกาลที่ 5 ทรงมีภรรยามากที่สุด แต่ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์แล้ว รัชกาลที่ 3 (ครองราชย์ พ.ศ. 2367–2394) ทรงมีภรรยาและสนมมากกว่ารัชกาลอื่นในราชวงศ์จักรี

ข้อมูลจากจดหมายเหตุและพงศาวดารไทยระบุว่า พระองค์มีภรรยาและสนมรวมกันมากกว่า 80 คน และมีโอรสธิดาเกือบ 50 พระองค์ พระองค์ทรงโปรดการครองตนเรียบง่าย แม้ไม่ทรงมีพระมเหสีในตำแหน่ง “พระบรมราชินี” อย่างเป็นทางการ แต่สนมจำนวนมากในราชสำนักมีบทบาทสำคัญ

การมีภรรยาจำนวนมากของรัชกาลที่ 3 ยังสะท้อนบริบทของราชสำนักไทยในยุคนั้น ซึ่งใช้การแต่งงานเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อผูกสัมพันธ์กับตระกูลขุนนางชั้นสูง และรักษาเสถียรภาพภายใน

 

วิเคราะห์ "เหตุผลเบื้องหลัง" การมีภรรยาจำนวนมากในประวัติศาสตร์

การมีภรรยาจำนวนมากในยุคโบราณมักเกี่ยวข้องกับการแสดงออกถึงอำนาจและความมั่งคั่ง รวมทั้งการสร้างพันธมิตรทางการเมืองผ่านการแต่งงาน ระบบฮาเร็มในบางวัฒนธรรมยังสะท้อนโครงสร้างสังคมที่กษัตริย์ต้องการรักษาอำนาจและความมั่นคงของราชวงศ์

นอกจากนี้ ภรรยาหลายคนยังหมายถึงการเพิ่มจำนวนทายาทเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์และรักษาอำนาจในราชวงศ์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในระบบกษัตริย์

ทั้งนี้ จำนวน “ภรรยา” หรือ “ลูก” บางครั้งเป็นการประมาณ และข้อมูลจากตำนานหรือศาสนาอาจมีการพูดเกินจริง การจัดอันดับนี้อาจไม่สมบูรณ์ในเชิงจำนวนที่เป๊ะ ๆ แต่ก็ถือว่าเป็น “กษัตริย์ที่มีภรรยาหลายคนที่สุดที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์และตำนาน”

การย้อนเรื่องราวของกษัตริย์ที่มีภรรยาจำนวนมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมและระบบสังคมในแต่ละยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน การมีภรรยาหลายคนไม่ได้รับการยอมรับตามกฎหมายและค่านิยมสังคม การศึกษาประวัติศาสตร์เหล่านี้จึงเป็นการเข้าใจมุมมองทางสังคมและวัฒนธรรมในอดีต

กรณีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส

แม้ว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จะไม่ได้มีภรรยาและสนมในจำนวนมากเท่ากษัตริย์ในลำดับอื่น ๆ แต่เหตุผลที่บทความนี้เลือกกล่าวถึงพระองค์ ก็เพื่อชี้ให้เห็นถึง บทบาทของ "สนม" ในบริบทของราชสำนักยุโรป ซึ่งแตกต่างจากระบบฮาเร็มในโลกอาหรับหรือเอเชียอย่างชัดเจน

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีพระมเหสีหลวงเพียงพระองค์เดียว คือ Marie-Thérèse of Spain และมีสนมที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Madame de Montespan ซึ่งมีอิทธิพลต่อราชสำนักอย่างมาก สนมเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงบทบาทในเชิงส่วนตัว แต่ยังมีผลต่อการเมือง ศิลปะ วัฒนธรรม และแม้กระทั่งนโยบายบางด้านของราชวงศ์

ดังนั้น แม้จะไม่จัดอยู่ในกลุ่ม “กษัตริย์ที่มีภรรยามากที่สุดในโลก” ตามจำนวน แต่กรณีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของ การใช้ชีวิตส่วนตัวของกษัตริย์เพื่อสร้างอิทธิพลในราชสำนักและสังคม จึงควรกล่าวถึงเพื่อเปรียบเทียบในแง่มุมทางวัฒนธรรม

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง

  • Britannica - Moulay Ismail
  • Britannica - Shah Jahan
  • Britannica - King Solomon
  • Britannica - Louis XIV
  •