.jpg)
5 พฤติกรรมซักชุดชั้นใน ที่สกปรกยิ่งกว่าไม่ซัก! หลายคนทำผิดมาหลายสิบปี
5 พฤติกรรม “ซักชุดชั้นใน” ที่อาจทำให้สกปรกยิ่งกว่าไม่ซัก
บทความจาก Kenh14 เตือนว่า หลายคนซักชุดชั้นในโดยคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความผิดพลาดบางอย่างกลับเป็นต้นเหตุให้เกิดเชื้อโรคและปัญหาสุขภาพในบริเวณจุดซ่อนเร้นได้
1. ซักด้วยน้ำเย็นทั้งหมด
น้ำเย็นแม้ว่าจะช่วยปกป้องเนื้อผ้า แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่แฝงอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ คำแนะนำคือให้ใช้น้ำอุ่น (ประมาณ 40–60 องศา) เพื่อช่วยลดการตกค้างของเชื้อโรค
2. ซักรวมกับเสื้อผ้าอื่นหรือถุงเท้า
การนำชุดชั้นในมาซักรวมกับเสื้อผ้าอื่นเสี่ยงต่อการ “ปนเปื้อนเชื้อโรค” จากสิ่งของอื่น งานวิจัยชี้ว่า แบคทีเรียในชุดชั้นในที่ซักรวมสามารถสูงกว่าซักแยกอย่างน้อย 2 เท่า
3. ใช้ผงซักฟอกหรือสารฟอกขาวเข้มข้น
แม้จะดูสะอาด แต่สารฟอกขาวหรือผงซักฟอกที่แรงเกินไปสามารถทิ้งสารตกค้างซึ่งอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองหรือการติดเชื้อในบริเวณผิวหนังที่บอบบางได้
4. ตากในห้องน้ำหรือที่ชื้น
ห้องน้ำหรือมุมที่อับชื้นในบ้านมักมีความชื้นสูง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราและแบคทีเรีย การตากชุดชั้นในในพื้นที่แบบนี้ที่สุดท้ายอาจไม่ได้ “สะอาด” อย่างที่คิด
5. ไม่ตากแดด หรือแค่พัดลมช่วยเป่าเฉยๆ
แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคได้มากถึงกว่า 90% ภายใน 30 นาที ในขณะที่การตากในที่ร่มหรือใช้พัดลมเพียงอย่างเดียวอาจกำจัดเชื้อโรคน้อยเกินไป ทำให้ชุดชั้นในยังคงมีแบคทีเรียตกค้าง
วิธีซักชุดชั้นในให้ถูกต้องและปลอดภัย
- ซักชุดชั้นในแยกจากเสื้อผ้าอื่น โดยเฉพาะถุงเท้า ผ้าขนหนู หรือเสื้อผ้าทั่วไป
- ใช้น้ำอุ่นประมาณ 40–60 องศาเซลเซียส เพื่อช่วยลดเชื้อโรค
- เลือกใช้ผงซักฟอกสูตรอ่อนโยน ไร้สารตกค้าง และล้างอย่างน้อย 2 รอบ
- ตากในแดดหรือที่มีลมผ่าน ระวังอย่าตากในที่อับชื้น
- เปลี่ยนชุดชั้นในเป็นประจำทุก 3–6 เดือน หรือเมื่อเริ่มมีสีเหลือง มีกลิ่น หรือยืดหยุ่นลดลง
- ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ซักอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรค
สรุป
แม้หลายคนเชื่อว่า “ซักบ่อย” จะปลอดภัย แต่หากซักผิดวิธี ชุดชั้นในอาจสกปรกกว่าเดิมซะอีก การเลือกซักด้วยน้ำอุ่น ใช้ผงซักฟอกอ่อนโยน และตากในที่ที่มีแสงแดดหรืออากาศถ่ายเทดี เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในบริเวณจุดซ่อนเร้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ