เจ้าชายที่หล่อที่สุดของอังกฤษ ตำนานรักต้องห้าม ย้อนรอยโศกนาฏกรรมแห่งราชวงศ์
ตำนาน เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ ย้อนรอยโศกนาฏกรรมแห่งราชวงศ์อังกฤษ
หากพูดถึง เจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ หลายคนคงนึกถึง เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ แต่ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน ราชสำนักอังกฤษเคยมี "วิลเลียม" อีกพระองค์หนึ่งที่โด่งดังและเป็นที่รักไม่แพ้กัน นั่นคือ เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ ผู้ที่ได้รับฉายาว่า "เจ้าชายที่หล่อที่สุดในรุ่น" และ "เจมส์ บอนด์แห่งราชวงศ์" แต่เจ้าชายผู้เปี่ยมไปด้วยอนาคตไกลกลับเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างจากธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์อังกฤษ ทรงใฝ่หาความอิสระและชีวิตธรรมดาที่ห่างไกลจากสายตาสาธารณะ
เรื่องราวชีวิตของพระองค์เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ความผจญภัย ก่อนจบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่สร้างความเสียใจอย่างสุดซึ้งให้กับราชวงศ์
เส้นทางนักการทูตสู่ความอิสระที่โตเกียว
เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ ( Prince William of Gloucester) ประสูติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ณ ฮาร์ตฟอร์ดเชอร์ สหราชอาณาจักร เป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ในเจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์ และเจ้าหญิงอลิซ ดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ เป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร
เจ้าชายวิลเลียมทรงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างอีตันและเคมบริดจ์ ก่อนตัดสินใจเลือกทำงานในกระทรวงการต่างประเทศแทนการรับราชการทหาร ซึ่งนับเป็นการตัดสินใจที่สร้างความประหลาดใจอย่างมาก
ในปี 1968 พระองค์ทรงแสดงความกล้าหาญและความรักการผจญภัยด้วยการขับเครื่องบินส่วนตัวจากอังกฤษไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลา 16 วัน
การเดินทางและชีวิตการทำงานในตำแหน่งนักการทูตทำให้พระองค์ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระมากขึ้น และได้พบกับ ซูซี่ สตาร์กลอฟ นางแบบสาวชาวฮังการี ผู้ที่กลายมาเป็นรักแท้ของเจ้าชาย

กำเนิด "รักต้องห้าม" กับซินเดอเรลล่าชาวฮังการี
ซูซี่ สตาร์กลอฟ เป็นหญิงสาวที่สวย ฉลาด และประสบความสำเร็จในการทำงานเป็นนางแบบในญี่ปุ่น แต่เธอเคยผ่านการหย่าร้างและมีลูกติด ซึ่งเป็นสิ่งที่ ราชวงศ์อังกฤษ ไม่สามารถยอมรับได้อย่างเป็นทางการในยุค 1960s
ทั้งคู่ตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้งและใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันที่บ้านพักริมทะเล โดยที่ซูซี่เผยว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงอ่อนโยน ชอบทำอาหาร และปราศจากความเย่อหยิ่ง
ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มต้นขึ้นราวกับเทพนิยาย เมื่อซูซี่ส่งบัตรเชิญไปหาเจ้าชาย พร้อมลงชื่อว่า "ซินเดอเรลล่า" และเจ้าชายทรงตอบรับด้วยการแต่งกายเป็น "เดอะ โลน เรนเจอร์" ในงานเต้นรำสวมหน้ากาก

เมื่อข่าวความสัมพันธ์ของ เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ แพร่ไปถึงราชสำนักอังกฤษ แรงกดดันก็เริ่มเข้ามาอย่างหนัก โดยเฉพาะจากสมาชิกอาวุโสของราชวงศ์ที่ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอื้อฉาวเหมือนในอดีต
แม้ว่าเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต พระญาติของเจ้าชาย จะทรงแสดงความเข้าใจในความรักของทั้งสอง แต่ตามกฎหมายในขณะนั้น ผู้ที่อยู่ในลำดับสืบราชบัลลังก์ต้องได้รับอนุญาตจากองค์ประมุขในการสมรส ซึ่งเป็นเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้
ในปี 1970 พระบิดาของเจ้าชายล้มป่วย ทำให้พระองค์ต้องกลับอังกฤษเพื่อรับผิดชอบหน้าที่ในราชวงศ์ และจำต้องยุติ ความรักต้องห้าม ครั้งนี้ลงด้วยความเสียใจ แต่ทรงมอบ "แหวนสัญญา" ให้ซูซี่เพื่อเป็นตัวแทนคำมั่นว่าจะกลับมาหา
คำมั่นนั้นไม่เป็นจริง เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 1972 เจ้าชายวิลเลียม สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ในระหว่างทรงเข้าร่วมการแข่งขันการบิน โดยมีพระชนมายุเพียง 30 ปี
โศกนาฏกรรมพรากชีวิตเจ้าชาย
28 สิงหาคม 1972 เจ้าชายวิลเลียม ผู้มีใบอนุญาตนักบินและครอบครองเครื่องบินหลายลำ ลงแข่งขัน Goodyear International Air Trophy ใกล้เมืองวูล์ฟเวอร์แฮมป์ตัน สหราชอาณาจักร พระมารดา ดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ นั่งชมการแข่งขันอยู่ในอัฒจันทร์
หลังขึ้นบินไม่นาน พระองค์สูญเสียการควบคุมเครื่องบินในระดับต่ำ ทำให้ปีกชนต้นไม้และเกิดไฟลุก พระร่างของพระองค์ได้รับการยืนยันจากบันทึกทันตกรรมในวันรุ่งขึ้น
ขณะสิ้นพระชนม์ เจ้าชายวิลเลียมมีพระชนมายุเพียง 30 ปี และอยู่ในลำดับที่ 9 ของการสืบราชสมบัติ การเสียชีวิตอย่างโศกเศร้าทำให้พระองค์เป็นพระนัดดาพระองค์แรกของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และพระราชินีแมรีที่สิ้นพระชนม์
พระศพของพระองค์ฝังอยู่ที่ Royal Burial Ground วินด์เซอร์

ความรักที่ยังคงอยู่ตลอดไป
การจากไปของ เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ สร้างความเสียใจอย่างสุดซึ้ง โดยเฉพาะกับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งทรงนับถือพระญาติพระองค์นี้เป็นดั่งแบบอย่างในวัยหนุ่ม
เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระญาติอันเป็นที่รัก เจ้าฟ้าชายชาลส์ (พระเจ้าชาลส์ที่ 3) จึงทรงตั้งชื่อพระโอรสองค์แรกที่ประสูติในปี 1982 ว่า "วิลเลียม" ตามพระนามของพระองค์
ซูซี่ สตาร์กลอฟ ยังคงเก็บแหวนของเจ้าชายไว้ติดตัวตลอดมาในฐานะตัวแทนของรักแท้ โดยเธอไม่เคยแต่งงานใหม่ และยังคงรำลึกถึงเจ้าชายวิลเลียมอยู่เสมอ

