
สำนักงาน กปร. ขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ระยะที่ 2 พร้อมมอบทุนขยายผลกิจกรรมปี 2568
4 หน่วยงานร่วมลงนาม ขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ระยะที่ 2 หลังจากระยะที่ 1 ประสบความสำเร็จ เยาวชนเรียนรู้ นำมาขยายผลจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ เกิดประโยชน์ต่อชุมชน พร้อมสนับสนุนทุนกิจกรรมของเยาวชนเพิ่มขึ้น
นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ โครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ระยะที่ 2 ภายในงาน Sustainability Expo 2025 (SX 2025) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า เป็นความร่วมมือของ 4 หน่วยงาน เพื่อเผยแพร่และขยายผลองค์ความรู้ไปสู่เยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนบริเวณพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพื้นที่ห่างไกลให้ได้รับความรู้อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพและการดำเนินชีวิตให้แก่เยาวชนและประชาชนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งได้ดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2565
“เป็นความร่วมมือของ 4 หน่วยงานในการดำเนินงานโครงการฯ ประกอบด้วย สำนักงาน กปร. มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ผ่านมานับว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ส่วนในระยะที่ 2 นั้น จะมีการพัฒนาต่อยอดแนวทาง และวิธีการในการขยายผลองค์ความรู้อันเนื่องมาจากพระราชดำริเพิ่มขึ้นในหลายมิติ นับตั้งแต่การพัฒนารูปแบบสื่อที่สอดคล้องกับช่วงอายุของเยาวชนให้มากขึ้น เนื่องจากเยาวชนในแต่ละช่วงวัยจะมีพื้นฐานการรับรู้ ความเข้าใจตลอดถึงความสนใจที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และมีความเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น” นางสุพร ตรีนรินทร์ กล่าว
ทางด้านนางสาวณัฐมน เลิศเจริญผล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เผยว่าได้เรียนรู้แนวทางการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากโครงการความร่วมมือฯ โดยร่วมกับเพื่อนๆ นำองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริมาจัดกิจกรรมในโรงเรียน
“เป็นโครงการคัดแยกขยะภายในโรงเรียน มีการแยกถังขยะเป็นประเภทๆ เช่น ขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะพลาสติก แล้วรณรงค์ให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนมีรู้ความเข้าใจร่วมกันทิ้งขยะลงถัง และเก็บอย่างถูกต้อง ก็เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรักษ์โลกของโรงเรียน และเกิดความรู้เรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากขยะ เพราะที่โรงเรียนแต่ละวันจะมีขยะที่ต้องกำจัดมาก ทำให้โรงเรียนสะอาดมากขึ้น” นางสาวณัฐมน เลิศเจริญผล กล่าว
ส่วนนายอดิศร สร้างศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองสลุด อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เผยว่า "หลังจากได้รับองค์ความรู้จากโครงการความร่วมมือฯ แล้ว ได้รวมตัวกับเพื่อนๆ จัดทำกิจกรรมการเลี้ยงไส้เดือนดินด้วยขยะภายในโรงเรียน โดยให้ไส้เดือนดินช่วยย่อยสลายขยะจากเศษอาหารที่เหลือจากการกินเป็นอาหาร “เมื่อก่อนที่โรงเรียนมีปัญหาเรื่องขยะจากเศษอาหารเน่าเหม็น จึงทำโครงการเลี้ยงไส้เดือนดินด้วยเศษอาหาร เมื่อไส้เดือนดินกินเศษอาหารแล้วถ่ายมูลออกมาก็นำมาเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้และพืชผักภายในโรงเรียน และที่โรงเรียนก็มีโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ก็เอามูลไส้เดือนดินไปใส่พืชผักที่ปลูกในโครงการฯ ทำให้ผักเจริญงอกงามดี ไม่ต้องซื้อปุ๋ยช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ และปุ๋ยไส้เดือนดินส่วนหนึ่งก็เอาไปขายในชุมชน เพิ่มรายได้ให้แก่โรงเรียนอีกทาง”
สำหรับโครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ มาจัดทำสื่อการเรียนการสอน เผยแพร่และขยายผลไปยังเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนนั้น จัดทำขึ้นครั้งแรกในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา ครั้งที่ 2 ในเขตพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี พร้อมสนับสนุนทุนในการดำเนินงานโครงการฯ ให้แก่โรงเรียนที่มีการน้อมนำองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริมาจัดทำเป็นโครงการ ที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางในการดำเนินงานที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้อย่างเป็นรูปธรรม และจะขับเคลื่อนขยายผลในระยะต่อไปในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริไปสู่เยาวชนได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ส่วนงาน Sustainability Expo 2025 (SX 2025) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร นอกจากจะมีพิธีลงนามความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ประจำปี 2568 ในระยะที่ 2 ของทั้ง 4 หน่วยงานแล้ว ก็ยังมีพิธีมอบทุนสนับสนุนโครงการสานต่อองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ภายใต้โครงการความร่วมมือฯ จำนวน 20 ทุน ให้แก่โรงเรียนที่น้อมนำองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริไปจัดทำเป็นโครงการที่แสดงให้เห็นถึงแนวความคิด และการสร้างสรรค์ไปสู่การปฏิบัติจริงอันก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งนักเรียน โรงเรียน ชุมชน และสังคมต่อไป