
เปิดชื่อ 5 กษัตริย์ "รวยที่สุด" อันดับ 1 แจกทองครั้งเดียว ทำเศรษฐกิจประเทศอื่น "รวน" ได้!
5 กษัตริย์ที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทรัพย์สินมหาศาลเกินประเมินค่า
อันดับ 1 ความมั่งคั่งของพระองค์เคยทำให้เศรษฐกิจของเมืองใหญ่ “รวน” ได้จากการใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว!
เมื่อกล่าวถึง กษัตริย์ที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก หลายคนอาจนึกถึงราชวงศ์ยุโรป หรือประเทศที่ร่ำรวยจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน แต่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก เคยมีกษัตริย์บางพระองค์ที่ครอบครองทรัพย์สินจำนวนมหาศาล เกินกว่าที่จะตีมูลค่าเป็นตัวเลขได้
บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 5 กษัตริย์ผู้ทรงอำนาจและมั่งคั่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งแต่ละพระองค์ล้วนมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลกยุคนั้น ด้วยการควบคุมทองคำ แร่มีค่า และทรัพยากรที่สำคัญของโลก
1. มูซาแห่งมาลี (Mansa Musa)
มูซาแห่งมาลี หรือ มันซา มูซา ทรงเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมาลีในแอฟริกาตะวันตก ครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1312–1337 และได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดตลอดกาล
จักรวรรดิมาลีในยุคนั้นถือเป็นแหล่งทองคำที่สำคัญที่สุดของโลก พระองค์ควบคุมปริมาณทองคำมากถึงครึ่งหนึ่งของโลกในขณะนั้น การเสด็จแสวงบุญไปยังนครเมกกะของพระองค์ครั้งหนึ่ง ได้ส่งผลให้ค่าเงินในกรุงไคโรเสียเสถียรภาพ เพราะพระองค์ทรงแจกจ่ายทองคำอย่างฟุ่มเฟือยจนเกิดภาวะเงินเฟ้อ สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจทางเศรษฐกิจที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
2. ออกุสตุส ซีซาร์ (Augustus Caesar)
จักรพรรดิออกุสตุส ซีซาร์ คือผู้นำสูงสุดของจักรวรรดิโรมัน หนึ่งในจักรวรรดิที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลที่สุดในโลกยุคโบราณ ทรงครองราชย์ระหว่างปี 27 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ. 14
มีการประเมินว่า หากคิดตามสัดส่วน GDP ของโลกในยุคนั้น ทรัพย์สินของออกุสตุสอาจมีมูลค่าสูงถึงระดับหลายล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้สะท้อนอำนาจและทรัพย์สินในฐานะผู้นำของจักรวรรดิ มากกว่าจะเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์โดยตรง
3. จักรพรรดิอักบัร มหาราช (Akbar the Great)
จักรพรรดิอักบัรทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโมกุลในอินเดีย ทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1556–1605 ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรมีความมั่งคั่งและทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
พระองค์ทรงวางรากฐานด้านภาษี การปกครอง และเศรษฐกิจไว้อย่างมั่นคง มีการประเมินว่าเศรษฐกิจของจักรวรรดิโมกุลในยุคนั้นมีสัดส่วนถึง 20–25% ของ GDP โลก แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งระดับสูงและบทบาทของพระองค์ในระบบเศรษฐกิจโลก
4. จักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง
จักรพรรดิหย่งเล่อทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1402–1424 และเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในราชวงศ์หมิง พระองค์มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของจีนในยุคนั้น
แม้จะไม่มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวอย่างชัดเจน แต่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) และการส่งกองเรือของเจิ้งเหอสำรวจโลก ล้วนสะท้อนถึงระดับความมั่งคั่งและพลังอำนาจของจักรวรรดิจีนในรัชสมัยของพระองค์
5. พระเจ้าซาโลมอน (King Solomon)
พระเจ้าซาโลมอนทรงเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลโบราณ ซึ่งมีชื่อเสียงในคัมภีร์ไบเบิล ทรงครองราชย์ประมาณปี 970–931 ปีก่อนคริสตกาล และได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยปัญญาและความมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินของพระองค์ เป็นการตีความจากตำนาน ไม่ใช่หลักฐานเชิงประจักษ์
ตามตำนาน พระองค์สะสมทองคำจำนวนมาก มีพระราชวังหรูหรา และใช้เครื่องใช้ทำจากทองคำเป็นหลัก มีการกล่าวว่าเฉพาะทองคำที่ได้รับในแต่ละปี มีน้ำหนักหลายตัน หากตีมูลค่าด้วยราคาทองคำปัจจุบัน บางรายประเมินว่าทรัพย์สินของพระองค์อาจสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ข้อมูลเหล่านี้จะมาจากแหล่งทางศาสนา แต่ก็แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของกษัตริย์ผู้มั่งคั่งในยุคนั้น
- เปิดชื่อ 5 กษัตริย์ "ลูกมากที่สุด" ในประวัติศาสตร์โลก อันดับ 1 ทะลุพันคน
- เปิดชื่อ 5 กษัตริย์ "ภรรยาเยอะที่สุด" ในประวัติศาสตร์โลก มีไทยติดโผ ไม่ใช่ ร.5 อย่างที่คิด!
สรุปใครคือกษัตริย์ที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก?
เมื่อพิจารณาจากการควบคุมทรัพยากร ปริมาณทองคำ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจในยุคนั้น มันซา มูซา แห่งมาลี ยังคงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น กษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
ขณะเดียวกัน กษัตริย์อย่าง ออกุสตุส ซีซาร์ และ จักรพรรดิอักบัร ก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจระดับจักรวรรดิ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อโลกในยุคของตนเอง