เนื้อหาในหมวด ข่าว

เปิดชื่อ 7 ราชา \

เปิดชื่อ 7 ราชา "ตกยาก" ที่สุดในโลก แม้เกิดวังทอง-ได้ครองบัลลังก์ แต่จบโศกนาฏกรรม!

7 ราชาผู้เคยยิ่งใหญ่ แต่เผชิญชะตากรรมยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้จะเกิดในวังทอง… แต่บางครั้งวาสนาแห่งบัลลังก็สิ้นสุดเพียงแค่ชื่อ ชีวิตบั้นปลายกลับเปลี่ยนไปตลอดกาล

เรื่องจริงของ 7 กษัตริย์และจักรพรรดิผู้เคยครองอำนาจสูงสุด แต่ชีวิตกลับจบลงด้วยความยากลำบาก บางองค์ถูกเนรเทศ บางองค์เสียชีวิตในคุก

เมื่อเอ่ยถึง “กษัตริย์” หรือ “จักรพรรดิ” ภาพจำของใครหลายคนอาจเต็มไปด้วยราชบัลลังก์ อัญมณี เครื่องแต่งกายหรูหรา และอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน
แต่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก กลับมีราชาจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตกลับตาลปัตร จากสูงสุดสู่ต่ำสุด จากราชวังสู่ห้องขัง หรือบางรายแม้แต่เศษเหรียญก็หาได้ยาก

ต่อไปนี้คือ 7 กษัตริย์และจักรพรรดิจากหลายมุมโลก ที่ได้รับการกล่าวถึงว่า “ตกยาก” หรือเผชิญกับชะตากรรมที่ลำบากยากแค้นกว่าที่ราชาใดควรประสบ

1. แอนเดรียส พาลาโอโลกอส (Andreas Palaiologos) – ราชวงศ์สุดท้ายแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์

หลังกรุงคอนสแตนติโนเปิลล่มสลายในปี 1453 อันเดรียส หลานชายของจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งไบแซนไทน์ ต้องอพยพมายังอิตาลี เขาได้รับเงินบำนาญจากพระสันตะปาปาเพื่อยังชีพในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เงินอุดหนุนดังกล่าวลดลงจนแทบไม่มีเหลือ ทำให้อันเดรียสต้องขายสิทธิ์ในการอ้างตำแหน่งจักรพรรดิไบแซนไทน์ให้แก่กษัตริย์ฝรั่งเศสเพื่อความอยู่รอด ท้ายที่สุดเขาเสียชีวิตด้วยสภาพยากจนที่เมืองโรมในปี 1502

“จากผู้สืบเชื้อจักรพรรดิแห่งกรุงโรมตะวันออก...สู่ชายผู้สิ้นไร้ซึ่งราชบัลลังก์และเงินตรา”

2. หลุยส์ที่ 17 แห่งฝรั่งเศส (Louis-Charles de France) – ราชาเด็กที่สิ้นชีวิตในห้องขัง

ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระราชินีมารี อ็องตัวแนตต์ถูกประหารชีวิต ราชวงศ์บูร์บงจึงถูกรื้อถอนอย่างสิ้นเชิง

หลุยส์ที่ 17 วัยเพียง 8 ขวบ ถูกเรียกขานว่าเป็น “พระมหากษัตริย์โดยพฤตินัย” ของฝรั่งเศส แม้จะยังไม่เคยได้ครองราชย์อย่างแท้จริง แต่ชะตากรรมของเด็กน้อยกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความลำบาก เขาถูกควบคุมตัวและจองจำในสถานที่คุมขังที่แร้นแค้น ถูกละเลยทั้งร่างกายและจิตใจ จนในที่สุด เสียชีวิตในวัยเพียง 10 ปี ด้วยโรคภัยและความทารุณที่ได้รับในระหว่างถูกกักขัง

โศกนาฏกรรมของหลุยส์ที่ 17 กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสิ้นหวังและความสูญเสียของราชวงศ์บูร์บงในยุคปฏิวัติฝรั่งเศส

“แม้จะเป็นกษัตริย์ แต่ไม่มีมงกุฎ ไม่มีบัลลังก์ มีเพียงโซ่ตรวนและความทรมาน”

3. จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย  (Tsar Nicolas II of Russia) – สิ้นสุดราชวงศ์โรมานอฟ

จากจักรพรรดิผู้ครองราชย์ดินแดนกว้างใหญ่ที่สุดในโลก สู่การตกเป็นเชลยและการสูญเสียอำนาจอย่างสิ้นเชิง การปฏิวัติรัสเซียในปี 1917 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่นำไปสู่การสละราชสมบัติของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 พระองค์และครอบครัวถูกจับกุมควบคุมตัวโดยกลุ่มบอลเชวิก ซึ่งต่อมาในปีถัดมา พวกเขาถูกประหารชีวิตพร้อมกันอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่มีการไต่สวนหรือกระบวนการยุติธรรมใดๆ

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าจักรพรรดิจะขาดแคลนทรัพย์สินหรือยากจนทางการเงินในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่การสูญเสียทุกสิ่ง ทั้งอำนาจอันยิ่งใหญ่ ชีวิตอันมีค่า และครอบครัวที่รัก กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนใจและจดจำได้ไม่ลืมในประวัติศาสตร์โลก

“จากจักรพรรดิแห่งทวีป สู่ชายที่ไร้บ้านและสิทธิ์แม้แต่จะมีชีวิต”

4. จักรพรรดิ “ผู่อี๋” แห่งจีน (Puyi) – จากจักรพรรดิ สู่คนสวน

ผู่อี๋ คือจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง ครองราชย์ตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะถูกปลดในปี 1912 เขาเคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ภายหลังถูกขับไล่ออกจากวัง ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น และกลายเป็นหุ่นเชิดในรัฐหุ่นแมนจูโกวะ 

ภายหลังถูกจับโดยฝ่ายคอมมิวนิสต์จีน เข้ารับการ 'ปฏิรูปทางความคิด' และใช้ชีวิตที่เหลืออย่างคนธรรมดา โดยทำงานเป็นคนกวาดสวน บรรณาธิการ และสุดท้ายเสียชีวิตอย่างเงียบสงบ

“จากเจ้าของวังต้องห้าม…สู่ผู้ดูแลสวนของสาธารณรัฐในยุคใหม่"

5. จักรพรรดิ ไฮเล เซลาสซี ที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย (Haile Selassie I) – ราชสีห์ผู้ถูกจองจำ

เคยเป็นหนึ่งในผู้นำแอฟริกาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก จักรพรรดิไฮเล เซลาสซี ที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชสีห์แห่งยูดาห์” และเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านจักรวรรดินิยม ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 1930 และครองบัลลังก์ยาวนานถึง 44 ปี ท่ามกลางความเคารพบูชาของชาวราสตาฟาเรียนทั่วโลก

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การเมืองแปรผัน ปี 1974 พรรครัฐประหารฝ่ายซ้ายชื่อว่า “Derg” โค่นล้มราชบัลลังก์ของพระองค์ ทรงถูกควบคุมตัวในพระราชวังซึ่งกลายเป็นเหมือนคุกส่วนตัว และเสียชีวิตในปี 1975 อย่างเงียบงัน โดยที่ไม่มีงานพระศพ ไม่มีเกียรติยศ  มีการสันนิษฐานว่าพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยมือของทหาร

“จากจักรพรรดิผู้ยืนยงในแอฟริกา…สู่ชายชราในความเงียบ ผู้ถูกลืมแม้กระทั่งจากแผ่นดินของตนเอง”

6. พระเจ้าตากสินมหาราช – วีรบุรุษผู้เผชิญชะตากรรมอันซับซ้อนในบั้นปลาย

หลังกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินมหาราชคือผู้รวบรวมไพร่พล กู้ชาติ สถาปนาอาณาจักรธนบุรี และครองราชย์ในฐานะกษัตริย์ผู้มีพระปรีชาสามารถด้านการรบและการปกครอง

แต่ในช่วงปลายรัชกาล จากบันทึกบางฉบับได้มีการกล่าวถึงข้อกล่าวหาว่าพระองค์อาจมีพระสติไม่ปกติ และสถานการณ์การเมืองภายในราชอาณาจักรเริ่มสั่นคลอน จนนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านอำนาจครั้งสำคัญ ท้ายที่สุด พระเจ้าตากสินมหาราชทรงถูกควบคุมตัว และภายหลังถูกสำเร็จโทษในปี พ.ศ. 2325

แม้พระองค์จะทรงจบชีวิตอย่างน่าเศร้า แต่ภายหลังได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้แผ่นดิน และยังคงเป็นบุคคลสำคัญที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือมาจนถึงปัจจุบัน

“จากกษัตริย์ผู้ปลุกชีวิตชาติ…สู่ผู้พ่ายแพ้ต่อชะตากรรมและเพื่อนร่วมศึก”

7. สมเด็จพระราชินีลิลิอูโอกาลานี แห่งฮาวาย (Queen Liliʻuokalani) – ราชินีผู้ไร้แผ่นดิน

สมเด็จพระราชินีลิลิอูโอกาลานี คือกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชอาณาจักรฮาวาย ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 1891 ด้วยเจตนาจะธำรงอธิปไตยของเกาะต่อจากพระเชษฐา ท่ามกลางแรงกดดันจากนักธุรกิจและรัฐบาลสหรัฐฯ

ในปี 1893 พระองค์ถูกโค่นอำนาจโดยกลุ่มอเมริกันเชื้อสายฮาวาย พร้อมการสนับสนุนจากกองกำลังของสหรัฐ ราชินีถูกจับกุมและกักบริเวณภายในพระราชวังอิออลานี ไม่สามารถติดต่อประชาชน หรือออกนอกพระราชฐานได้

พระองค์ใช้ชีวิตหลังจากนั้นในฐานะพลเรือน เรียบง่ายและเงียบงัน กระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี 1917 ชนพื้นเมืองฮาวายจำนวนมากยังคงยกย่องพระองค์เป็นราชินีที่แท้จริงจนถึงปัจจุบัน

“จากราชินีแห่งหมู่เกาะ...สู่หญิงชราผู้มองบัลลังก์ของตนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในมือผู้อื่น”

 

สะท้อนโลกที่ไม่แน่นอน...แม้แต่บัลลังก์ยังไม่มีวันยั่งยืน

เรื่องราวของกษัตริย์เหล่านี้ คือบทเรียนประวัติศาสตร์ที่สะท้อนว่า “อำนาจและความมั่งคั่ง” อาจไม่จีรัง ไม่ว่าใครจะอยู่สูงเพียงใด เมื่อโลกเปลี่ยน ชะตาก็เปลี่ยนตาม
เพราะท้ายที่สุดแล้ว...แม้แต่มงกุฎก็อาจกลายเป็นภาระ เมื่อราชาไร้แผ่นดินให้ครอง