เนื้อหาในหมวด ข่าว

พ่อพาลูกไปเล่นบ้านเพื่อน แต่ไม่เคยกลับไปรับอีกเลย เหตุผลที่ถูกเปิดเผยทำคนน้ำตาซึม!

พ่อพาลูกไปเล่นบ้านเพื่อน แต่ไม่เคยกลับไปรับอีกเลย เหตุผลที่ถูกเปิดเผยทำคนน้ำตาซึม!

พ่อพาลูกไปเล่นที่บ้านเพื่อน แต่ไม่เคยกลับไปรับอีกเลย เหตุผลที่ถูกเปิดเผยทำคนน้ำตาซึม!

เรื่องราวเกิดขึ้นที่เขตจิ่วหลงพัว เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน อ้างอิงจากคำบอกเล่าของนายหลี่ พ่อของเพื่อนร่วมชั้นของเด็กหญิงฉีฉี โดยวันนั้นฉีฉีไปเล่นที่บ้านของนายหลี่ตามปกติ แต่เมื่อถึงตอนเย็นก็ไม่เห็นพ่อมารับ นายหลี่พยายามติดต่อ โทรศัพท์ และไปเคาะประตูบ้านของฉีฉี แต่ไม่มีการตอบรับใด ๆ

“วันนั้นเขาไม่ได้ให้ลูกสาวนำกุญแจมาด้วย เด็กจึงกลับบ้านไม่ได้ ผมจึงต้องให้เด็กนอนค้างที่บ้าน จนกระทั่งวันที่ 3 ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจเปิดประตูเข้าไปในบ้านของฉีฉี... พบว่าพ่อของเด็กเสียชีวิตแล้ว” นายหลี่เล่าด้วยน้ำเสียงติดขัด

พ่อสัญญาว่าจะมารับลูก แต่กลับขาดการติดต่อไปตลอดกาล

นายหลี่เล่าเสริมว่า พ่อของฉีฉีเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย ก่อนหน้านี้เคยเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว ตอนที่ไปส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาล “ผมไม่ทราบว่าเขาทำงานอะไร 2 ครอบครัวไม่ได้ติดต่อกันมากนัก บางครั้งผมไปส่งเด็กถึงหน้าบ้านแล้วก็กลับมาเลย”

ข่าวการจากไปของพ่อแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในชุมชน ในบ่ายวันที่ 8 ตุลาคม ขณะที่นายหลี่พาลูกสาวและฉีฉีออกไปรับประทานอาหาร มีเด็กในละแวกนั้นวิ่งเข้ามาและกระซิบว่า “พ่อของเธอเสียแล้ว” นายหลี่พยายามส่งสัญญาณห้าม แต่ไม่ทันการณ์

“เด็กหญิงนิ่งอึ้งไป ไม่ร้องไห้ แค่นั่งเงียบ ๆ ผมรีบโกหกไปว่าพ่อของเธอกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็พูดซ้ำ ๆ ว่า "หนูคิดถึงพ่อ" แล้วก็นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น ผมต้องให้ลูกสาวผมเล่นกับเธอ เพื่อให้เธอคลายเหงา” นายหลี่เล่า

นายหลี่เชื่อว่าฉีฉีเข้าใจทุกอย่าง แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม “พ่อกับลูกอยู่ด้วยกันมาหลายปี ความผูกพันนั้นลึกซึ้งมาก ตอนนี้พ่อจากไปแล้ว คงทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่ไว้ในใจของเด็ก” ในที่สุด คืนวันที่ 8 ตุลาคม แม่แท้ ๆ ของเด็กหญิงฉีฉีได้รีบเดินทางกลับมาจากที่อื่น เพื่อรับลูกไปดูแล

สาเหตุการจากไปที่เงียบงัน: มะเร็งตับระยะสุดท้าย

สาเหตุการจากไปอย่างเงียบงันของพ่อฉีฉี คือ โรคมะเร็งตับ ระยะสุดท้าย โดยมะเร็งตับเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยและอันตรายที่สุดในปัจจุบัน โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ตับเจริญเติบโตผิดปกติ กลายเป็นก้อนเนื้อร้าย และทำลายการทำงานของตับ ซึ่งอาจเกิดจากตัวตับเอง (มะเร็งตับปฐมภูมิ) หรือลุกลามมาจากอวัยวะอื่น

สาเหตุของมะเร็งตับมีความหลากหลาย ที่พบบ่อยที่สุดคือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ C เรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุของมากกว่า 70% ของผู้ป่วยทั้งหมด นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ภาวะอ้วน ไขมันพอกตับ เบาหวาน หรือการสัมผัสกับสารพิษอัลฟาทอกซินเป็นเวลานาน (พบในธัญพืชและอาหารขึ้นรา) ก็เพิ่มความเสี่ยงของโรค

อาการเตือนที่มักถูกมองข้าม และการป้องกัน

อาการเริ่มต้นของมะเร็งตับมักจะไม่ชัดเจน และง่ายต่อการเข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางเดินอาหาร เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดตื้อ ๆ บริเวณชายโครงขวา หรือท้องบวมขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการสะสมของของเหลว

เมื่อโรคดำเนินไป ผู้ป่วยอาจมีอาการเลือดออกในทางเดินอาหาร สติปัญญาสับสน หรือหมดสติจากตับวาย ซึ่งการรักษาในช่วงนี้ทำได้ยากมาก มะเร็งตับมีความอันตรายเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการดำเนินโรคที่รวดเร็วและมีอาการเตือนน้อย ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักถูกตรวจพบในระยะลุกลาม

เพื่อป้องกันโรค ควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ B จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ บริโภคอาหารที่สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารขึ้นรา รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมถึงการอัลตราซาวด์ตับ และตรวจเอนไซม์ตับทุก 6 เดือน เพื่อเพิ่มโอกาสในการตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ประสบความสำเร็จ

เมียคลอดแฝด 4 สามีตกใจหนีหาย แม่ผัวขอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบสะใภ้ทำหน้าชา!

เมียคลอดแฝด 4 สามีตกใจหนีหาย แม่ผัวขอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบสะใภ้ทำหน้าชา!

สาวคลอดลูกชายแฝด 4 แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจจากครอบครัว กลับต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และการเงินอย่างหนักหน่วง