
ขับรถจากไทย "รอบโลก 1 รอบ" โดยใช้ถนนบนบกเท่านั้น ทำได้ไหม ผ่านประเทศไหนบ้าง?
ฝันที่เป็นไปไม่ได้? ขับรถยนต์รอบโลกจากไทย "บนบกเท่านั้น" ทำได้จริงหรือ?
หลายคนอาจเคยฝันถึงการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต คือการขับรถยนต์คู่ใจออกเดินทางรอบโลกจากประเทศไทย แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ การเดินทางรอบโลกโดยใช้ "รถยนต์บนบกเท่านั้น" โดยไม่พึ่งพาการขนส่งทางเรือหรือเครื่องบินเลยนั้น เป็นไปได้จริงหรือไม่?
คำตอบที่ชัดเจนคือ "เป็นไปไม่ได้" ที่จะเดินทางรอบโลกโดยใช้รถยนต์บนบกเพียงอย่างเดียว เนื่องด้วยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญ 2 ประการที่ไม่มีถนนเชื่อมต่อถึงกัน
อุปสรรคทางภูมิศาสตร์ที่ขวางกั้น
ช่องแคบเบริง (Bering Strait): คือจุดที่ทวีปเอเชียและทวีปอเมริกาเหนืออยู่ใกล้กันที่สุด มีระยะห่างประมาณ 88 กิโลเมตร โดยมีทะเลคั่นกลางระหว่างคาบสมุทรชุกชีของรัสเซียและรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา ในอดีตยุคน้ำแข็งเคยมีสะพานบก (Bering Land Bridge) เชื่อมต่อทวีปทั้งสอง แต่ปัจจุบันน้ำทะเลท่วมทำให้ไม่มีถนนหรือสะพานใดๆ แม้จะมีแนวคิดเรื่องการสร้างสะพานหรืออุโมงค์ข้ามช่องแคบนี้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการก่อสร้างเกิดขึ้น ทำให้ไม่สามารถขับรถข้ามจากทวีปเอเชียไปยังทวีปอเมริกาเหนือได้
ดาเรียนแกป (Darién Gap): เป็นพื้นที่ป่าทึบและหนองบึงขนาดใหญ่ยาวประมาณ 160 กิโลเมตร ครอบคลุมพรมแดนระหว่างปานามา (อเมริกากลาง) และโคลอมเบีย (อเมริกาใต้) พื้นที่นี้เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ทางหลวงสายแพน-อเมริกัน (Pan-American Highway) ซึ่งเป็นเครือข่ายถนนที่ยาวที่สุดในโลก ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบากแล้ว พื้นที่นี้ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาความปลอดภัย เช่น การค้ายาเสพติดและกลุ่มติดอาวุธ
เส้นทาง "ใกล้เคียงที่สุด" ที่พอจะเป็นไปได้ (แต่ต้องใช้เรือ)
แม้การเดินทางบนบก 100% จะเป็นไปไม่ได้ แต่หากยอมรับการใช้บริการเรือเฟอร์รี่หรือการขนส่งรถยนต์ข้ามทะเลในส่วนที่จำเป็น เราสามารถร่างเส้นทางที่ "ใกล้เคียงที่สุด" ของการขับรถรอบโลกได้ ดังนี้
ช่วงที่ 1: เอเชีย สู่ ยุโรป และแอฟริกา
การเดินทางจากประเทศไทยไปยังยุโรปและแอฟริกานั้นสามารถทำได้โดยใช้เส้นทางบนบกเป็นหลัก โดยมี 2 เส้นทางหลักที่นิยมกัน:
เส้นทางสายเหนือ (ผ่านจีน-รัสเซีย): เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างสะดวกและปลอดภัยกว่า โดยจะขับรถผ่านลาวหรือเมียนมา เข้าสู่ประเทศจีน จากนั้นเดินทางผ่านคาซัคสถานเข้าสู่รัสเซีย และมุ่งหน้าสู่ทวีปยุโรป เส้นทางนี้มีโครงสร้างถนนที่ดีและมักใช้ในงานแข่งขันอย่าง Silk Road Rally
เส้นทางสายใต้ (ผ่านเมียนมา-อินเดีย-ตะวันออกกลาง): เป็นเส้นทางที่มีความท้าทายสูงกว่า ต้องผ่านเมียนมา, อินเดีย, ปากีสถาน, อิหร่าน และตุรกี เพื่อเข้าสู่ยุโรป เส้นทางนี้อาจพบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น ความตึงเครียดบริเวณชายแดนปากีสถาน-อินเดีย และความซับซ้อนของวีซ่าในบางประเทศ เช่น อิหร่าน
จากยุโรป สามารถขับรถลงใต้ผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์เพื่อเข้าสู่ทวีปแอฟริกา และเดินทางต่อไปได้ไกลถึงประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งมีข้อมูลระบุระยะทางการขับรถจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองโจฮันเนสเบิร์กไว้ที่ประมาณ 18,200 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม สภาพถนนในบางประเทศแอฟริกาอาจไม่ดีเท่ายุโรป และต้องระวังเรื่องความปลอดภัยในบางพื้นที่
ช่วงที่ 2: ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
ณ จุดนี้ การขนส่งทางทะเลเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ โดยจะต้องนำรถยนต์ขึ้นเรือขนส่งสินค้าจากท่าเรือในยุโรป เช่น ลิสบอน (โปรตุเกส) หรือแอฟริกา เช่น เคปทาวน์ (แอฟริกาใต้) เพื่อข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังทวีปอเมริกาใต้ เช่น บัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา) หรืออเมริกาเหนือ เช่น นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา)
ช่วงที่ 3: ทวีปอเมริกา
เมื่อรถยนต์เดินทางถึงทวีปอเมริกา นักเดินทางสามารถขับรถบนทางหลวงแพน-อเมริกัน (Pan-American Highway) ซึ่งเป็นเครือข่ายถนนยาวประมาณ 30,000 กิโลเมตร เชื่อมโยงตั้งแต่รัฐอะแลสกาในอเมริกาเหนือ ผ่านอเมริกากลาง และไปสิ้นสุดที่ตอนใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ในอาร์เจนตินา อย่างไรก็ตาม ต้องมีการขนส่งรถทางเรืออีกครั้งเพื่อข้ามดาเรียนแกป โดยมักใช้เรือจากเมืองโคลอน (ปานามา) ไปยังการ์ตาเฮนา (โคลอมเบีย)
ช่วงที่ 4: ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก และกลับสู่เอเชีย
นี่คืออุปสรรคสุดท้ายและใหญ่ที่สุด จะต้องนำรถยนต์ขึ้นเรือขนส่งจากชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกา เช่น ลอสแอนเจลิสหรือซานฟรานซิสโก ไปยังทวีปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น, จีน หรือเกาหลีใต้ การขนส่งข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกอาจใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ และมีค่าใช้จ่ายสูง จากนั้นจึงขับรถกลับสู่ประเทศไทย
โดยสรุปแล้ว
การเดินทางรอบโลกด้วยรถยนต์จากประเทศไทยโดยใช้ทางบกเท่านั้นยังคงเป็นเพียงความฝัน เนื่องจากข้อจำกัดของช่องแคบเบริงและดาเรียนแกป แต่สำหรับนักเดินทางที่พร้อมปรับเปลี่ยนแผนและยอมรับการใช้การขนส่งทางเรือในจุดที่จำเป็น การผจญภัยครั้งประวัติศาสตร์นี้ยังคงเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และท้าทาย การเดินทางทั้งหมดอาจใช้เวลา 6-12 เดือน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1-2 ล้านบาท รวมค่าน้ำมัน วีซ่า เอกสารศุลกากร (เช่น Carnet de Passages) และค่าขนส่งรถยนต์ นักเดินทางต้องเตรียมตัวอย่างดีสำหรับความซับซ้อนของวีซ่า สภาพถนนที่แตกต่างกัน และความปลอดภัยในบางภูมิภาค เช่น ตะวันออกกลางหรือแอฟริกา ตัวอย่างนักเดินทางที่ประสบความสำเร็จ เช่น Zapp Family ซึ่งใช้เวลา 17 ปี (2000-2017) ขับรถรอบโลก เป็นแรงบันดาลใจให้เห็นว่าความฝันนี้เป็นไปได้หากมีการวางแผนอย่างรอบคอบ