เนื้อหาในหมวด ข่าว

สัมภาษณ์ครอบครัวที่ \

สัมภาษณ์ครอบครัวที่ "ลูกหาย" ผู้เชี่ยวชาญตกใจกับ 5 ข้อผิดพลาด "ทั่วไป" แต่กลับพบบ่อย!

เปิดใจครอบครัว "ลูกหาย" พบ 5 ข้อผิดพลาดของพ่อแม่ ที่เสี่ยงต่อการลักพาตัว สัญญาณเตือนที่ทุกบ้านควรรู้ให้ทัน!

กรณีเด็กถูกลักพาตัว หรือสูญหาย ยังคงเกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและมาตรการคุ้มครองเด็กอย่างมาก เบื้องหลังโปสเตอร์ "เด็กหาย" ทุกชิ้น ล้วนสะท้อนภาพครอบครัวที่พลัดพราก และการรอคอยอย่างสิ้นหวังมาหลายปี

มีแม่ที่ละสายตาจากลูกเพียงไม่กี่นาทีในซูเปอร์มาร์เก็ต และเมื่อกลับมา ลูกก็หายตัวไป..... และมีพ่อที่ใช้เวลาสิบปีตามหาลูก แม้จะแทบไร้ความหวังก็ตาม.....

โศกนาฏกรรมเหล่านี้ ถูกนำมาสร้างใหม่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เมื่อผู้สร้างภาพยนตร์และนักสังคมวิทยาสัมภาษณ์ครอบครัวที่ "ลูกหาย" รวมแล้วจำนวนหลายสิบครอบครัว พวกเขาพบว่า กรณีส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกันในวิธีการเลี้ยงดูและจัดการลูกๆ 

ด้านล่างนี้เป็นลักษณะทั่วไป 5 ประการ ในครอบครัวที่ลูกถูกลักพาตัวหรือพลัดหลง ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากมองข้ามไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างยิ่ง

1. ขาดการใส่ใจให้ความรู้ด้านความปลอดภัยแก่เด็ก

การให้ความรู้ด้านความปลอดภัยเป็นรากฐานแรกในการปกป้องเด็กๆ แต่พ่อแม่หลายคนกลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง หลายคนคิดว่า "เด็กๆ ไม่รู้อะไรเลย" จึงไม่ได้สอนลูกให้รู้จักสังเกตอันตราย ไม่ได้บอกลูกว่า "อย่าเดินตามคนแปลกหน้า แม้ว่าพวกเขาจะบอกว่ารู้จักพ่อแม่" หรือ "เมื่อรู้สึกกลัว ให้หาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้เพื่อขอความช่วยเหลือ" ทัศนคติเช่นนี้เองที่ทำให้เด็กๆ หลายคนไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับสถานการณ์อันตรายอย่างไร และบางครั้งความไม่รู้เพียงเสี้ยววินาทีก็อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้

2. ความไว้วางใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างมากเกินไป

พ่อแม่หลายคนเชื่อว่า “ย่านที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นปลอดภัย” “ทุกคนในละแวกนั้นรู้จักกันหมด” จึงละเลยการดูแลลูกๆ ปล่อยให้ลูกเล่นในสวนของอพาร์ตเมนต์ ไปบ้านเพื่อนบ้าน ไปซื้อของในซอย... โดยที่ไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจน อันที่จริง การลักพาตัวส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในสถานที่ที่ถือว่า “คุ้นเคย” ที่สุด

3. พึ่งพาเทคโนโลยีแทนการสื่อสารแบบพบหน้ากัน

หลายครอบครัวคิดว่าการติดตั้ง GPS กล้อง หรือการให้โทรศัพท์แก่ลูกๆ ก็เพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยแล้ว แต่อุปกรณ์ต่างๆ ก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือเท่านั้น เมื่อพ่อแม่ไม่พูดคุยกับลูกๆ หรือสอนลูกให้รับมือกับสถานการณ์จริง เด็กๆ อาจรู้สึกหวาดกลัวหรือถูกล่อลวงได้ง่าย การสนทนาระหว่างพ่อแม่และลูกในแต่ละวันบางครั้งก็มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสิบๆ เครื่อง

4. ขาดการสังเกตและทักษะการตอบสนองเมื่อเกิดเหตุการณ์

เมื่อลูกหายตัวไป พ่อแม่หลายคนมักจะไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร จำไม่ได้ว่าลูกใส่เสื้อผ้าอะไร กำลังจะไปที่ไหน หรือมีใครอยู่กับลูกบ้าง นี่แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบจะขาดหายไปอย่างสิ้นเชิง พ่อแม่ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน ตั้งแต่การแจ้งความกับตำรวจไปจนถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดสำหรับการค้นหา

5. การขาดความเป็นเพื่อนระหว่างผู้ปกครองและชุมชน

การปกป้องเด็กไม่ใช่แค่หน้าที่ของครอบครัวเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชนด้วย อย่างไรก็ตาม ในหลายพื้นที่ ความคิดที่ว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน” ยังคงเป็นเรื่องปกติ เมื่อเห็นเด็กเดินอยู่คนเดียว แทบไม่มีใครหยุดถาม ความไม่ใส่ใจนี้สร้างเงื่อนไขให้คนร้ายโจมตีได้ง่ายขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

การหายตัวไปไม่เพียงแต่เป็นโศกนาฏกรรมสำหรับครอบครัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับเราทุกคนว่า ความปลอดภัยของเด็กๆ ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องบังเอิญ การสอนทักษะการป้องกันตนเองให้กับเด็กๆ การสังเกตพวกเขาให้มากขึ้น และการทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย คือสิ่งที่เราสามารถปกป้องลูกๆ ของเราได้อย่างแท้จริง