เนื้อหาในหมวด ข่าว

ยาแก้ปวด \

ยาแก้ปวด "พาราเซตามอล" กินเข้าไปแล้วมันรู้ได้อย่างไรว่าเราปวดตรงไหน?

หลายคนอาจเคยสงสัยว่า เวลากิน ยาแก้ปวดพาราเซตามอล เข้าไป แล้วอาการปวดตามร่างกายกลับบรรเทาลงอย่างน่าอัศจรรย์

ยาตัวเล็กๆ เม็ดเดียวนี้ “รู้ได้อย่างไร?” ว่าเราปวดหัว ปวดฟัน หรือปวดกล้ามเนื้อ แล้วมันไปออกฤทธิ์ตรงจุดได้อย่างไร?

เรามาหาคำตอบกันแบบเข้าใจง่ายๆ ทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อมกัน

e_abemrwxy4579

พาราเซตามอลคือยาอะไร?

พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือชื่อสากลว่า อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) เป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลก จุดเด่นคือมีฤทธิ์อ่อนกว่า “ยาแก้อักเสบ” เช่น ไอบูโพรเฟน แต่ปลอดภัยกว่าในกลุ่มผู้ที่มีโรคกระเพาะหรือแพ้ยาแก้อักเสบแบบ NSAIDs

ยานี้ไม่ใช่ยาแก้อักเสบโดยตรง แต่จะออกฤทธิ์ “บรรเทาความเจ็บปวด” และ “ลดไข้” โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร

adobestock_244803452

แล้วพาราเซตามอลรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายเราปวดตรงไหน?

ความจริงคือ พาราเซตามอล "ไม่รู้" ว่าคุณปวดตรงไหนเลย แต่สิ่งที่มันทำคือ “เข้าไปลดสัญญาณความเจ็บปวด” ในระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะในสมองและไขสันหลัง

เมื่อเราปวด เช่น ปวดหัว ปวดฟัน หรือปวดกล้ามเนื้อ ร่างกายจะปล่อยสารที่ชื่อว่า พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งมีหน้าที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดจากบริเวณที่บาดเจ็บไปยังสมอง

พาราเซตามอล จะไปยับยั้งเอนไซม์ที่ชื่อว่า COX (Cyclooxygenase) ในสมอง ทำให้ร่างกายสร้างพรอสตาแกลนดินน้อยลง สมองจึง “รับรู้ความเจ็บปวดน้อยลง” แม้ว่าตัวมันเองจะไม่ได้วิ่งไปยังจุดที่ปวดโดยตรงก็ตาม

emergency-dental-care-for-too

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ

ลองนึกภาพว่าความเจ็บปวดคือ “เสียงเตือนภัย” ที่ส่งจากบริเวณที่บาดเจ็บไปยังศูนย์กลางควบคุมในสมอง พาราเซตามอลไม่ได้ไปซ่อมเครื่องเตือนภัย แต่มัน ลดเสียงเตือนนั้นให้เบาลง ทำให้เรารู้สึกว่า “ปวดน้อยลง” หรือ “ไม่ปวด” ทั้งที่ร่างกายยังคงมีสาเหตุของอาการปวดอยู่

ทำไมพาราเซตามอลถึงไม่ช่วยลดอาการอักเสบ?

เพราะฤทธิ์ของพาราเซตามอลอยู่ในสมองเป็นหลัก ต่างจากยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs (เช่น ไอบูโพรเฟน หรือ ไดโคลฟีแนก) ที่ออกฤทธิ์ในระดับเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย จึงสามารถลดทั้ง “ความเจ็บปวด” และ “การอักเสบ” ได้พร้อมกัน

ดังนั้น ถ้าเป็นอาการปวดที่มาพร้อมการอักเสบ เช่น ข้อบวม ฟกช้ำ หรือกล้ามเนื้อฉีก แพทย์มักเลือกใช้ยา NSAIDs แทนพาราเซตามอล

4c55df20-f90a-11ef-b5c1-27f30

ข้อควรรู้และความปลอดภัย

  • พาราเซตามอลเหมาะสำหรับใช้บรรเทาอาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดเมื่อย หรือมีไข้
  • ห้ามกินเกินวันละ 4,000 มิลลิกรัม (หรือ 8 เม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม) เพราะอาจทำให้เกิดพิษต่อตับได้
  • ไม่ควรใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์ เพราะจะเพิ่มภาระการทำงานของตับ
  • หากมีอาการปวดเรื้อรังหรือไข้ไม่ลดภายใน 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์

บทสรุป

จริงๆแล้ว พาราเซตามอลไม่ได้ “รู้ตำแหน่งความปวด” แต่ทำงานโดย “ลดการรับรู้ความเจ็บปวดในสมอง” ผ่านการยับยั้งการสร้างสารส่งสัญญาณอย่างพรอสตาแกลนดิน ผลลัพธ์คือสมองรับรู้ว่าเจ็บน้อยลง ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นนั่นเอง

ดังนั้น เวลาเรากินพาราเซตามอล มันไม่ได้เดินทางไปถึงหัวหรือฟันโดยตรง แต่ “ทำให้สมองของเรารับรู้ความปวดน้อยลง” จึงบรรเทาอาการได้โดยไม่ต้องรู้ว่าจุดไหนปวด นี่แหละคือกลไกอันชาญฉลาดของยาแก้ปวดคู่บ้านที่คนทั้งโลกใช้มานานกว่า 140 ปี

ช็อก! นศ.ชาวจีน ดับอายุแค่ 19 ปี ตับวายเฉียบพลัน หลังกิน \

ช็อก! นศ.ชาวจีน ดับอายุแค่ 19 ปี ตับวายเฉียบพลัน หลังกิน "ยาแก้หวัด" แพทย์เผยสาเหตุ

ยาลดไข้-ยาแก้หวัด ไม่ควรใช้ร่วมกันหากมีส่วนผสมซ้ำซ้อน คร่าชีวิตได้ภายในไม่กี่วัน ควรรู้ "ตัวเหลือง ตาเหลือง ง่วงซึม" คือสัญญาณอันตรายจากตับ