
หัวใจแข็งแกร่ง "ป๊ายปาย" เล่าวันสูญเสียเสาหลัก อยู่ข้างพ่อจนวินาทีสุดท้าย
ป๊ายปาย หัวใจแข็งแกร่ง เล่าวันสูญเสียเสาหลัก พ่อคือแรงหนุนหลัง กำลังใจสำคัญของชีวิต
เพิ่งผ่านการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตมาหมาดๆ สำหรับสาวเท่ห์คนเก่ง ป๊ายปาย โอริโอ้ กับการจากลาของคุณพ่อที่จากไปอย่างสงบเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
งานนี้เดินทางมาเปิดใจผ่านรายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข23 กับพิธีกรตัวแม่ "พี่หนูแหม่ม สุริวิภา" ขอเล่าถึงความรัก ความผูกผัน และความทรงจำที่ไม่เคยลืมกับคุณพ่อสุดที่รัก ที่งานนี้ไม่มีน้ำตา มีแต่เรื่องราวดีๆที่น่าจดจำ
ขอถามตอนนี้ข้างในจิตใจเป็นยังไงบ้าง ?
"คือมันแข็งแรงขึ้น ถ้าถามว่าเตรียมใจมามั้ย ก็เตรียมใจมาระดับนึง เพราะว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลมาตั้งแต่ช่วงแผ่นดินไหว แล้วก็รักษาตัวมาเรื่อยๆ"
คุณพ่อป่วยเป็นอะไร ?
"เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เป็นโรคไต ไตวาย เราก็รักษาตัวมาเรื่อยๆ จนเมื่อช่วงเดือนที่แล้วมีอาการทรุดหนัก เนื่องด้วยเลือดคลั่งในสมองไปกระทบกับแกนสมอง ระบบมันเริ่มรวน ก็รักษากันสุดความสามารถของทีมแพทย์ก็ยื้อไว้ไม่ได้"
แล้วป๊ายได้อยู่กับพ่อ จนวินาทีสุดท้ายเลยมั้ย ?
"อยู่ครับ อยู่จนวินาทีสุดท้าย ทีมแพทย์บอกว่าพ่อจะอยู่ถึงเที่ยงคืน เราก็รอสแตนด์บายอยู่ที่นั้นเลย แล้วก็เป็นคนที่เปลี่ยนชุดให้พ่อด้วย"
ได้มีพูดหรือสั่งเสียอะไรไว้ก่อนท่านจะไปมั้ย ?
"คือมันแย่ตรงที่ท่านไม่ได้มีสติแล้ว เป็นแค่ร่างอยู่รอการรักษา มีลมหายใจแต่ไม่สามารถพูดคุยได้"
แล้วโมเมนต์ปกติเวลาเจอกันจะคุยอะไรกัน ?
"ก็จะคุยถึงเรื่องที่ผ่านมา และก็มีคุยเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง คุยกันทุกๆ เรื่อง ทุกอย่างในชีวิตของป๊ายจะมีพ่อหนุนหลังอยู่เสมอ พ่อจะเป็นที่ปรึกษาทั้งในเรื่องการงาน หรือว่าเรื่องการใช้ชีวิต เราก็ใช้ชีวิตตามปกติแม้ว่าเราจะไม่อยู่ด้วยกัน"
ช่วงเด็กเราอยู่ห่างไกลกับทางคุณพ่อยังไง ?
"ป๊ายเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่ศรีสะเกษ แต่พ่ออยู่ที่กรุงเทพ ถ้าได้มากรุงเทพก็จะได้จบป๊าอยู่บ่อยๆ ตอนเด็กๆ เราโฟกัสที่คุณแม่ อยู่กับคุณแม่ด้วยความเข้าใจ สิ่งหนึ่งที่ติดอยู่กับตัวเราก็คือว่ารู้แค่ในสิ่งที่เขาอยากให้เรารู้ มันก็เติบโตมาแบบนี้ แม่อยากให้รู้อะไรก็อยากรู้แค่นั้น พ่ออยากให้รู้อะไรก็รู้แค่ตรงนั้น"
ที่ผ่านมาคุยกับคุณพ่อได้ทุกเรื่องมั้ย ?
"คุยกับคุณพ่อได้ทุกเรื่อง แต่ป๊ายจะเลือกคุยแค่บางเรื่อง บ้างเรื่องการงานป๊าจะเป็นคนที่ให้คำแนะนำได้ดี ก็เลยโฟกัสแค่บางอย่าง"
อย่างความฝันที่อยากเป็นนักร้องคุณพ่อเป็นคนให้การสนับสนุน ?
"ในช่วงโควิดเริ่มแรกๆ ป๊ายเริ่มมีชื่อเสียงมากับนุ๊ก ผมโดนด่าเยอะมากในเรื่องของการร้องเพลง หรือว่าเวลาออนสเตจไปแล้วบุคลิกภาพไม่ดี คราวนี้มันก็เลยไม่อยากทำแล้ว ทำไมเราต้องทำ ทำแล้วโดนด่าทำไปทำไม ก็เลยมีความคิดว่าไม่อยากทำแล้ว แม่ก็บอกว่าคัมแบคกลับบ้านมาได้เลย แต่พ่อพูดว่าต่อให้คนทั้งโลกด่ามึงอยู่ แต่พ่อภูมิใจในตัวมึงมากๆ เป็นคำที่พ่อบอก"
พอถึงวันที่เราประสบความสำเร็จแล้วพ่อว่ายังไงบ้าง ?
"ได้รับคำชมครับ ในวัย 29 ปี ได้รับคำชมจากป๊าครั้งแรก ภูมิใจในตัวของเรา เป็นความรู้สึกที่ว่าดีใจนะอยู่ในใจ แต่มันทำได้แค่แสดงออกมาทางรอยยิ้มให้ป๊าดู เป็นความรู้สึกที่ตื้นตันมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ทุกครั้งที่ออกสเตทขึ้นเวทีไปแล้วไม่อยากทำจะนึกถึงคำนี้มาเสมอครับ"
แล้วตอนที่เราหาเงินได้แล้ว เคยเอาเงินไปให้ท่านภูมิใจมั้ย ?
"เคยเอาไปให้ เป็นก้อนใหญ่ๆ แต่คุณพ่อไม่รับ คุณพ่อบอกว่ามึงเอาเก็บไว้เถอะไม่ต้องให้กูหรอก เก็บไว้ใช้ถ้าอยากให้ก็เอาไปให้แม่ ในมุมของป๊าย ป๊ายคิดว่าป๊าคงเห็นว่าเราเติบโตมาด้วยตัวเราเอง มันเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงของเรา เค้าก็คงอยากให้เราได้ใช้"