
3 ผลไม้ที่คู่ควรกับฉายา "ราชาบำรุงตับ" จากธรรมชาติ เมืองไทยมีครบ แถมราคาถูก!
3 ผลไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาบำรุงตับ" ตามธรรมชาติ ตัวท็อปยังบำรุงหัวใจ, บำรุงปอด, และ “ชะลอวัย”
ผลไม้เหล่านี้เป็นชนิดที่ราคาไม่แพงและคุ้นเคยกับคนไทยเป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ถึงประโยชน์ในการบำรุงตับ, เสริมปอด, บำรุงหัวใจ, และชะลอความชรา
ตับเป็นอวัยวะสำคัญที่รับผิดชอบการล้างพิษ, การเผาผลาญพลังงาน, และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม นิสัยการกินที่ไม่สม่ำเสมอ, การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, หรือการอดนอน ทำให้ตับทำงานหนักเกินไป เพื่อรักษาสุขภาพตับ นอกจากการจำกัดสารพิษแล้ว คุณสามารถเสริมด้วยผลไม้ทั่วไปบางชนิดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาบำรุงตับ” ตามธรรมชาติ และยังดีต่อหัวใจและผิวพรรณอีกด้วย
1. ทับทิม (Pomegranate)
ในตำรายาแผนโบราณ ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน, มีฤทธิ์เย็น, ช่วยดับร้อน, ล้างพิษ, และมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการบรรเทา “ความร้อนในตับ” ตามที่แพทย์ จาง ซี ชุน กล่าวไว้ ทับทิมยังช่วยทำความสะอาดปอด, บรรเทาอาการไอ, หอบหืด, และภาวะขาดอากาศในร่างกาย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี, กรดอินทรีย์, และแร่ธาตุต่าง ๆ ผลไม้ชนิดนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รู้สึกเหนื่อยล้าบ่อย ๆ หรือมีสัญญาณของการอักเสบในตับเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ทับทิมยังเป็น "ราชาแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ" โดยมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาเขียวถึงสามเท่า ทำให้ช่วยยับยั้งการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
การรับประทานทับทิมเป็นประจำยังช่วยควบคุมความดันโลหิต, ลดความตึงเครียด, และเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ วิตามินซีในทับทิมยังช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน, ลดเลือนจุดด่างดำ, ริ้วรอย, และปกป้องผิวจากรังสียูวี
2. มะละกอ (Papaya)
มะละกอได้รับฉายาว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้เขตร้อน" เนื่องจากมีสารอาหารสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคโรทีน, วิตามิน, และกรดอินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อตับ นอกจากนี้ มะละกอยังมีกรดโอเลียโนลิก (oleanolic acid) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่ช่วยปกป้องเซลล์ตับ, ลดไขมันในเลือด, ต้านการอักเสบ, และต้านเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอนไซม์ปาเปน (papain) ในมะละกอช่วยย่อยโปรตีน, ลดภาระของระบบย่อยอาหาร, และช่วยกำจัดปรสิตในลำไส้ อย่างไรก็ตาม ปาเปนจะถูกทำลายได้ง่ายเมื่อโดนความร้อน ดังนั้นการรับประทานมะละกอสดยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูดซึมสารอาหารอย่างครบถ้วน
สำหรับผู้ที่มักรู้สึกท้องอืด, เหนื่อยล้า, หรือมีปัญหาการย่อยอาหาร การรับประทานมะละกอสุกในปริมาณเล็กน้อยทุกวันสามารถช่วยปรับปรุงอาการได้อย่างชัดเจน
นายแพทย์จางยังเสริมว่า มะละกอไม่เพียงแต่ดีต่อตับเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียนและสดใสขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามิน A, C, และ E ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติที่สามารถชะลอกระบวนการชราของเซลล์และช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น
3. องุ่น (Grapes)
องุ่นเป็นผลไม้ที่หาได้ทั่วไป อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง สารประกอบโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานินในองุ่นสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ, ป้องกันความเสียหายของเซลล์ตับ, และสนับสนุนกระบวนการล้างพิษของร่างกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารประกอบฟีนอลในองุ่นสามารถยับยั้งการเกาะตัวของไวรัสกับโปรตีนของเซลล์ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันของตับในการต่อสู้กับเชื้อโรค นี่คือเหตุผลว่าทำไมองุ่นจึงถูกจัดให้เป็นหนึ่งในผลไม้ธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับการบำรุงตับ
นอกจากประโยชน์ต่อตับแล้ว องุ่นยังช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต, เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด, และสนับสนุนการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานองุ่นเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงและภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
ข้อควรระวังในการรับประทานผลไม้บำรุงตับ
- ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดมีรสหวาน ดังนั้นผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก หรือเป็นโรคเบาหวานควรบริโภคด้วยความระมัดระวัง
- ควรเลือกผลไม้สดที่ไม่ช้ำ หลีกเลี่ยงผลไม้ที่เก็บไว้นานเกินไป หากมีเชื้อราหรือเน่าเสียเพียงเล็กน้อยก็ควรทิ้ง แทนที่จะตัดส่วนที่เสียออกแล้วบริโภคต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ที่เป็นสารก่อมะเร็งตับ
- ไม่ควรรับประทานมากเกินไปในคราวเดียว แต่ควรเสริมด้วยผลไม้สดประมาณ 200–300 กรัมต่อวัน
- ควรเลือกรับประทานผลไม้ทั้งชิ้นมากกว่าการคั้นเป็นน้ำ
- ควรรวมการรับประทานผักใบเขียวให้มากขึ้น, จำกัดไขมันอิ่มตัว, หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์, และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ตับมีเวลาฟื้นตัว