เนื้อหาในหมวด ข่าว

นักศึกษา DPU โชว์ผลงานออกแบบ “ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม ครั้งที่ 1” ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

นักศึกษา DPU โชว์ผลงานออกแบบ “ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม ครั้งที่ 1” ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

นักศึกษา DPU โชว์ผลงานออกแบบสร้างสรรค์ “ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม ครั้งที่ 1” ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตอกย้ำศักยภาพคนรุ่นใหม่ผ่านศิลปะเชิงประยุกต์เชื่อมโยงสู่โลกธุรกิจ

คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) คัดเลือกผลงานศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาจำนวน 3 ชิ้น จาก 2 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น และสาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบกราฟิกดิจิทัลและภาพประกอบ เข้าร่วมแสดงในนิทรรศการ “ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม (ศิลปะการออกแบบ) ครั้งที่ 1” ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (The Queen’s Gallery) ซึ่งถือเป็นเวทีระดับชาติที่รวบรวมผลงานศิลปนิพนธ์ชั้นเยี่ยมของนิสิต–นักศึกษาปีสุดท้ายจาก 29 สถาบัน 31 คณะ รวมทั้งสิ้น 86 ชิ้นงาน (ระดับปริญญาโท 4 ชิ้น และระดับปริญญาตรี 82 ชิ้น) ครอบคลุมหลากหลายแขนง อาทิ การออกแบบเครื่องแต่งกาย ลายผ้า เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ และตราสินค้า โดยเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม – 27 พฤศจิกายน 2568

ผศ.กมลวรรณ พัชรพรพิพัฒน์ สารสุข หัวหน้าหลักสูตรการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)  เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ทางผู้จัดนิทรรศการได้เชิญผลงานในกลุ่ม “ศิลปะเชิงออกแบบประยุกต์” เข้าร่วม พร้อมเพิ่มหมวดหมู่ “งาน 3 มิติ” อาทิ แฟชั่นดีไซน์ หุ่นจำลอง และงานออกแบบเชิงพาณิชย์ที่สามารถมองได้รอบด้าน เพื่อพัฒนาศักยภาพสู่มิติใหม่ของวงการศิลปะการออกแบบไทย ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้จัดนิทรรศการได้ติดตามผลงานศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU มาอย่างต่อเนื่อง และเห็นถึงศักยภาพของนักศึกษา รวมถึงแนวทางการเรียนการสอนที่โดดเด่นและสอดคล้องกับการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ในยุคใหม่ จึงได้เชิญให้เข้าร่วมแสดงผลงานในครั้งนี้ เพื่อร่วมเผยศักยภาพของคนรุ่นใหม่บนเวทีศิลปะระดับประเทศ

s__58736662_0_0_0

ศิลปนิพนธ์ 3 ผลงาน ต่อยอดพลังความคิดสร้างสรรค์

ทางคณะฯ ได้คัดเลือกผลงานศิลปนิพนธ์ที่โดดเด่นที่สุด 3 ชิ้นจาก 2 สาขาวิชา ได้แก่ “Hannaru Brand” ผลงานของ นางสาวปารีรัตน์ สินไชย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น ที่สร้างสรรค์แฟชั่นแนวคราฟต์จากการถักโครเชต์ ถ่ายทอดทักษะจากคุณแม่จนเกิดเป็น “ศิลปนิพนธ์ครอบครัว” ที่สะท้อนความรักและต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้จริง, “Delimaiyu Brand” ผลงานของ นางสาวนภา แซ่กือ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น นำแรงบันดาลใจจากผ้าม้งของครอบครัวมาผสมผสานศิลปะแนว Deconstruction Art ถ่ายทอดอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ในมิติร่วมสมัย และ “Loei-Loei Go” ผลงานของ นางสาวกาญจนา สงวนชาติชาย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบกราฟิกดิจิทัลและภาพประกอบ ที่ออกแบบพาสปอร์ตท่องเที่ยวและคาแรกเตอร์สร้างสรรค์ที่มีอัตลักษณ์พร้อมต่อยอดสู่ของที่ระลึกในรูปแบบต่าง ๆ

“ผลงานทั้งสามชิ้นที่ได้รับการคัดเลือก ผ่านการพิจารณาโดยคณาจารย์ผู้สอนอย่างเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของนักศึกษาในหลายมิติ ทั้งความคิดสร้างสรรค์ ความตั้งใจ และความสามารถในการประยุกต์ใช้ทักษะทางศิลปะได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักศึกษาทั้งสามคนมีความมุ่งมั่นตั้งแต่ปี 1 และแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ต่อเนื่อง ทั้งในการเรียน การเข้าร่วมประกวด และกิจกรรมภายนอกมหาวิทยาลัยอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการเรียนศิลปะไม่ได้จบอยู่แค่ในห้องเรียน แต่ต้องออกไปเสพศิลปะจริง ไปดูผลงานของคนอื่น ดูนิทรรศการและงานออกแบบจากหลากหลายที่ เพื่อสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น นักศึกษาทั้งสามคนเป็นตัวอย่างของผู้ที่มีความพยายามเกินมาตรฐานและถ่ายทอดตัวตนผ่านผลงานได้อย่างลงตัว” หัวหน้าหลักสูตรการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU กล่าว 

ในฐานะผู้สอน ผศ.กมลวรรณ มองว่าการที่ผลงานของนักศึกษาได้รับคัดเลือกให้จัดแสดงในนิทรรศการระดับประเทศ สะท้อนถึงผลลัพธ์ของระบบการเรียนรู้ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ได้วางรากฐานไว้อย่างเป็นระบบ โดยให้นักศึกษาได้ออกแสดงผลงานตั้งแต่ปี 1 ผ่านเวที “งานลานศิลป์” ภายในมหาวิทยาลัย และต่อยอดไปสู่เวทีภายนอก ทั้งในเครือข่ายศิลปะและพื้นที่สาธารณะ ในประเทศและต่างประเทศ เพื่อฝึกกระบวนการนำเสนอผลงานจริงและเตรียมความพร้อมสำหรับการสร้างศิลปนิพนธ์ในปีสุดท้าย

หัวหน้าหลักสูตรการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU ย้ำถึงแนวคิดหลักของคณะว่า “ศิลปะประยุกต์ที่เราสอนไม่ใช่เพียงความงาม แต่ต้องต่อยอดได้จริงในเชิงพาณิชย์และสร้างอาชีพได้” การได้รับคัดเลือกเข้าร่วม “ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม (ศิลปะการออกแบบ) ครั้งที่ 1” ในครั้งนี้ จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงทิศทางการเรียนการสอนของคณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU ที่มุ่งเน้นศิลปะเชิงประยุกต์ (Applied Art) เชื่อมโยงศิลปะเข้ากับธุรกิจและชีวิตจริงอย่างมีคุณค่า สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในการ “ปลุกศักยภาพ เปลี่ยนอนาคต” ได้อย่างแท้จริง

441713

จาก Mori Girl สู่คราฟต์โครเชต์ร่วมสมัย

ด้านนักศึกษาที่ได้รับคัดเลือกให้นำผลงานศิลปนิพนธ์ไปจัดแสดง อย่าง นางสาวปารีรัตน์ สินไชย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU เจ้าของผลงาน “Hunnaru Brand” เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจอย่างมากที่ผลงานของตนได้รับเลือกให้นำไปจัดแสดงต่อสาธารณชน ทำให้เห็นถึงความตั้งใจและกระบวนการสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ 

“สำหรับผลงาน “Hunnaru” เกิดจากแรงบันดาลใจที่มาจากความชื่นชอบการแต่งตัวสไตล์ญี่ปุ่น โดยได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ว่าสไตล์ดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับแนว Mori Girl ซึ่งโดดเด่นด้วยเสื้อผ้าหลายเลเยอร์ ผ้าลูกไม้ และไหมพรมที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน จึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและนำแนวคิดนี้มาต่อยอดเป็นงานถักโครเชต์ไหมพรม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเรื่อง Thumbelina จนเกิดเป็นคอนเซปต์ “A Little Girl’s Dream – ความฝันของสาวน้อย” ถ่ายทอดผ่านดอกไม้ถักและผ้าลูกไม้ที่ละเอียดประณีต สื่อถึงความบริสุทธิ์และความเป็นผู้หญิงในแบบใหม่” นางสาวปารีรัตน์ กล่าว

ที่สำคัญผลงานชุดนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันกับคุณแม่ โดยตนเองจะออกแบบร่างแบบหลักว่าอยากได้ไปแนว ทางไหนและคุณแม่จะถักโครเชต์ไหมพรมขึ้นตัวอย่างให้ดูหลายรูปแบบเพื่อเลือกใช้ในชิ้นงานจริง โดยสินค้าหลักในคอลเลกชันคือ “กระเป๋าดอกกุหลาบถักโครเชต์ไหมพรม” อย่างไรก็ตามในอนาคตเตรียมต่อยอดแบรนด์ด้วยการออกแบบผ้าลูกไม้และงานถักโครเชต์ในรูปทรงใหม่ๆ และพัฒนาคอลเลกชันที่สะท้อนความอ่อนโยนและความร่วมสมัยมากขึ้น โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ในโทนสีขาวอันบริสุทธิ์ไว้เหมือนเดิม

888340

ผ้าม้ง x Deconstruction Art ยกระดับอัตลักษณ์ชาติพันธุ์

นางสาวนภา แซ่กือ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU เจ้าของผลงาน “Delimaiyu Brand” เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจหลักของผลงานมาจาก “ผ้าม้ง” ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์และรากวัฒนธรรมของชนเผ่าที่ตนเติบโตมา ภูมิปัญญาการทอผ้าและการปักครอสติชของชาวม้งมีความประณีตและเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงต้องการถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมเหล่านี้ให้อยู่ในบริบทแฟชั่นร่วมสมัย ด้วยการนำผ้าใยกัญชงและลายปักดั้งเดิมมาประยุกต์เข้ากับแนวคิด Deconstruction Art เพื่อสร้างสไตล์ที่ผสานความดั้งเดิมกับความทันสมัยได้อย่างกลมกลืน

“สำหรับอนาคตอยากต่อยอดผลงานนี้โดยพัฒนาแบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่นร่วมสมัย และยังคงสะท้อนรากวัฒนธรรมของผ้าม้งอยู่ในคอลเลกชันต่าง ๆ นอกจากนี้สนใจที่จะสร้างธุรกิจในสายออกแบบที่ผสมผสานงานคราฟต์และเทคนิคสมัยใหม่ เพื่อให้ผลงานสามารถเข้าถึงผู้คนได้กว้างขึ้น และสร้างคุณค่าให้กับทั้งผู้ชมและชุมชนผู้ผลิต” เจ้าของผลงาน “Delimaiyu Brand” กล่าว

นางสาวนภา  ทิ้งท้ายด้วยว่า การเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU มีส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมความคิดสร้างสรรค์และทักษะของตนได้อย่างมาก ตั้งแต่การเข้าใจหลักการออกแบบ การใช้สี การสร้างฟอร์ม ไปจนถึงการทดลองวัสดุและเทคนิคใหม่ ๆ ทั้งหมดนี้ทำให้กล้าแสดงออกและผสมผสานไอเดียที่แตกต่างได้อย่างมั่นใจ จนเกิดเป็นผลงาน Delimaiyu Brand ที่สะท้อนทั้งตัวตน ความคิดสร้างสรรค์ และรากวัฒนธรรมของผ้าม้งได้อย่างลงตัว

653482

“Live to Wander” ปลุกตุ๊กตาศิลาจีนให้กลับมาเดินทาง

ขณะที่ นางสาวกาญจนา สงวนชาติชาย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ วิชาเอกการออกแบบกราฟิกดิจิทัลและภาพประกอบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU ถ่ายทอดผลงานศิลปนิพนธ์ “Loei-Loei Go” จากแรงบันดาลใจในการนำ “ตุ๊กตาอับเฉา” หรือตุ๊กตาศิลาจีนในยุครัชกาลที่ 3 มาตีความใหม่ให้ผสานเก่า–ใหม่ ภายใต้แนวคิด “Live to Wander” ที่เปรียบตุ๊กตาศิลาจีนเป็น “นักเดินทางจากแดนไกล” ที่เคยข้ามน้ำข้ามทะเลมายังไทย และวันนี้ได้ออกเดินทางอีกครั้งในโลกยุคใหม่ ผ่านแบรนด์ Loei-Loei Go ซึ่งเพี้ยนเสียงจากคำว่า Religo (มาจาก Relic + Go) หมายถึงการพาอดีตออกเดินทางอีกครั้ง โดยมีพาสปอร์ตเป็นองค์ประกอบเชิงสัญลักษณ์ของการเดินทางในโลกปัจจุบัน

“ผลงานประกอบด้วยคาแรกเตอร์หลัก 4 ตัว ได้แก่ ขุนพลอี้ สายลุยเล่นบานาน่าโบ้ท, มู่เหมียว เสือ–แมวนักสำรวจ, เซอร์ชาร์ล ทหารตะวันตกผู้หลงใหลวัฒนธรรมไทย และ มาดามเจิน สตรีสูงศักดิ์ที่ชอบนวดและซ้อนวินมอเตอร์ไซค์ ทั้งหมดออกแบบให้เป็น “เพื่อนร่วมทาง” ที่พาผู้คนไปสัมผัสวัฒนธรรมไทยในมุมสนุก ผ่านสินค้าของที่ระลึกเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น กระเป๋าผ้า ปกพาสปอร์ต แท็กกระเป๋า เข็มกลัด และโปสการ์ด” 

นางสาวกาญจนา กล่าวว่า Loei-Loei Go ตั้งใจทำให้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเข้าถึงง่ายขึ้น และชวนให้คนรุ่นใหม่มองประวัติศาสตร์ในมุมที่ใกล้ตัว อยากให้รู้สึกว่าประวัติศาสตร์สามารถเดินทางไปกับเราได้ทุกที่ เหมือน tagline ของแบรนด์ที่ว่า Past in your pocket พร้อมตั้งเป้าต่อยอดแบรนด์ในอนาคตให้คาแรกเตอร์ทั้ง 4 ตัวออกเดินทางทั่วไทย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นในรูปแบบร่วมสมัย สนุก และมีชีวิต ชวนให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักอดีตในมุมที่จับต้องได้

4 อาหารที่ไม่ควร \

4 อาหารที่ไม่ควร "เก็บค้างคืน" อุ่นซ้ำก็ยังเสี่ยงอันตราย อย่าเสียดายให้ทิ้งไปเลย!

4 อาหารที่ไม่ควร "เก็บค้างคืน" อุ่นซ้ำก็ยังเสี่ยงอันตราย อย่าเสียดาย กินไม่หมดให้ทิ้งไปเลย!

ลูกค้าใจหาย สุกี้เจ้าดัง พระราม 2 ไปต่อไม่ไหว ประกาศปิดกิจการสิ้นเดือน ต.ค.นี้

ลูกค้าใจหาย สุกี้เจ้าดัง พระราม 2 ไปต่อไม่ไหว ประกาศปิดกิจการสิ้นเดือน ต.ค.นี้

สุกี้จินหลง พระราม 2 ประกาศปิดกิจการสิ้นเดือนนี้ เหตุเศรษฐกิจซบ แต่โปรบุฟเฟต์ยังใช้ได้อยู่