เนื้อหาในหมวด ข่าว

นร.หญิง เทน้ำใส่หัวเพื่อน ถาม \

นร.หญิง เทน้ำใส่หัวเพื่อน ถาม "รู้ไหมพ่อฉันทำงานอะไร?" รร.เปิดสอบสวน บทสรุปสุดเจื่อน!

นักเรียนหญิงสาดน้ำใส่เพื่อนผู้ชาย พร้อมถาม "รู้ไหมว่าพ่อฉันทำงานอะไร" ทำโซเชียลเดือด! โรงเรียนสอบสวนแล้วพบเรื่องจริงไม่เหมือนที่คิด

เหตุการณ์สุดสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อโซเชียลมีเดียจีนเผยแพร่คลิปวิดีโอของนักเรียนหญิงมัธยมปลายรายหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ ที่ได้สาดเครื่องดื่ม 2 ขวดใส่เพื่อนชายในชั้นเรียน พร้อมพูดจาเสียดสีเรื่องผลการเรียน และพูดท้าทายว่า "รู้ไหมว่าพ่อฉันทำงานอะไร" จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงในโลกออนไลน์

ต้นเหตุความขัดแย้งในช่วงพักเรียน

จากคำบรรยายในคลิป นักเรียนหญิงรายนี้มีลักษณะท่าทางเรียบร้อย มัดผมหางม้า ใส่เครื่องแบบนักเรียนอย่างถูกต้อง เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างพักเรียน ขณะที่เธอกำลังโต้เถียงกับเพื่อนชาย โดยเพื่อนรอบข้างดูเหมือนจะชินกับสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีใครเข้าไปห้าม

ในตอนแรก ฝ่ายชายไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่ฝ่ายหญิงกลับเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอสาดขวดน้ำอัดลมใส่เขาอย่างไม่คาดคิด ทำให้เขาทำได้เพียงกำหมัดแน่นและพยายามควบคุมอารมณ์

คำพูดเหยียดหยามและการท้าทายที่รุนแรง

เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงเท่านั้น นักเรียนหญิงยังพูดต่อไปว่า “ตอนสอบเข้า ม.ต้น ฉันได้คะแนนสูงกว่านายตั้ง 30 คะแนน พอนายสอบเข้ามหาวิทยาลัย คงต้องเติมเลขศูนย์ต่อท้ายเข้าไปอีก คนระดับเทคนิคหรือวิทยาลัยอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรจะมาคุยกับฉัน?”

หลังจากพูดจบ เธอยังสาดขวดน้ำอีกขวดหนึ่ง และตะโกนว่า “นายรู้ไหมว่าพ่อฉันทำอะไร?”

คำพูดสุดท้ายทำให้นักเรียนชายทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาตอบโต้ และเกิดการผลักกันเกิดขึ้น เพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้จึงรีบเข้ามาห้าม บางคนถึงขั้นล็อกคอฝ่ายหญิงเพื่อแยกออกจากกัน

กระแสสังคมและการตรวจสอบของโรงเรียน

ทางด้านชาวเน็ตส่วนใหญ่ยังคงมองว่า ความผิดหลักอยู่ที่ฝ่ายหญิงที่เป็นผู้เริ่มสาดน้ำและพูดจาดูถูกเพื่อนก่อน

หลายคนพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน เช่น “เด็กผู้หญิงแบบนี้ไม่น่ามาจากครอบครัวธรรมดาแน่นอน”, “ถูกตามใจมากไป จึงไม่รู้จักการเคารพผู้อื่น สมควรถูกสั่งสอน”

ขณะเดียวกัน บางคนให้ความเห็นว่า “ครอบครัวที่มีสถานะจริง ๆ มักจะอบรมลูกอย่างเข้มงวด เด็กที่หยิ่งยโสแบบนี้มักมาจากบ้านที่ ‘ดูเหมือนมีแต่ไม่มีจริง’”

ผลการสอบสวน และข้อเท็จจริง

หลังเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก โรงเรียนได้ยืนยันว่า ได้เริ่มสอบสวนทันที โดยเรียกนักเรียนทั้งสองคนและผู้ปกครองเข้าพูดคุยร่วมกัน

ภายหลังการตรวจสอบ โรงเรียนเปิดเผยว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวมาจากครอบครัวธรรมดา พ่อแม่ไม่มีตำแหน่งหรือหน้าที่พิเศษใดๆ และคำพูด “รู้ไหมว่าพ่อฉันทำอะไร” เป็นเพียงคำพูดที่พูดออกมาโดยขาดการยั้งคิด สะท้อนถึงความไม่โตพอในการควบคุมอารมณ์

แม้หลายคนจะไม่เชื่อคำชี้แจงทั้งหมด แต่ก็ไม่แปลกใจที่ผลออกมาเช่นนี้ โดยในวันเดียวกัน สำนักงานการศึกษาท้องถิ่นได้ประกาศว่า นักเรียนหญิงถูกลงโทษทางวินัย ส่วนนักเรียนชายได้รับการตักเตือน และทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยไกล่เกลี่ยจนจบเรื่อง

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการทะเลาะในโรงเรียน นั่นคือวิธีการเลี้ยงดูของพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน

บทเรียนและข้อคิดจากเหตุการณ์

วัยรุ่นเป็นช่วงที่มีอารมณ์แปรปรวน แต่การตามใจเกินไปอาจทำให้เด็กคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น เด็กที่กล้าพูดว่า “รู้ไหมว่าพ่อฉันทำอะไร” แสดงให้เห็นว่าเขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ขาดความเคารพต่อผู้อื่น หรือได้รับการเอาใจจนเกินพอดี

พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกมั่นใจ แต่เส้นแบ่งระหว่างความมั่นใจและความเย่อหยิ่งนั้นบางมาก หากเด็กถูกชมบ่อยเกินไป หรือได้รับการปกป้องมากเกินไป เขาอาจเชื่อว่าตนเอง “ดีกว่า” คนอื่น และนำเรื่องผลการเรียนหรือสถานะครอบครัวมาเป็นเครื่องมือโจมตีเพื่อน

การสอนให้ลูกเคารพและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสำคัญกว่าการสอนให้เก่ง เด็กที่รู้จักควบคุมอารมณ์ กล้าขอโทษ และคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่น ถือเป็นเด็กที่ “เก่ง” อย่างแท้จริง

สุดท้าย การศึกษาในครอบครัวไม่ได้วัดจากคะแนนสอบ แต่ดูที่พฤติกรรมยามมีปัญหา เด็กที่รู้ว่า “คำพูดบางคำอาจทำร้ายคนได้” คือผลลัพธ์ของการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ