เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"นั่งอยู่บนทองคำ" แต่เลือกให้ฟรี! เบื้องหลังวิศวกรญี่ปุ่นผู้มอบ QR Code ให้ทั้งโลก

“บิดาแห่ง QR Code” วิศวกรญี่ปุ่นผู้คิดค้นรหัส QR เผยเบื้องหลัง ทำไมตัดสินใจเปิดให้โลกใช้ฟรี?

น้อยคนจะรู้ว่า ผู้ให้กำเนิดรหัส QR (QR Code) ที่เปลี่ยนโลกนี้ คือวิศวกรชาวญี่ปุ่นผู้เงียบขรึมคนหนึ่ง เขาคือผู้ตัดสินใจอันกล้าหาญที่ “มอบฟรี” สิ่งประดิษฐ์ของตนให้มนุษยชาติได้ใช้อย่างเสรี

จากร้านชาเล็ก ๆ ริมทางจนถึงศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จากแบบฟอร์มสาธารณสุขช่วงโรคระบาดจนถึงการสแกนดูแหล่งที่มาของผลไม้เล็ก ๆ รหัส QR กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกอย่างแนบแน่น

แต่เบื้องหลังของเทคโนโลยีที่ดูเรียบง่ายนั้น คือเรื่องราวของชายคนหนึ่ง เกมโกะยามเที่ยงของเขา ช่วงเวลา “ยูเรกา” บนรถไฟ และการตัดสินใจทางธุรกิจที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล นี่คือเรื่องราวของ มาซาฮิโระ ฮาระ (Masahiro Hara) และ รหัส QR สิ่งประดิษฐ์ที่เริ่มต้นจากโรงงานผลิตรถยนต์ แต่กลายเป็นสะพานเชื่อมโลกดิจิทัลเข้ากับชีวิตจริงของเรา

ชายผู้ยืนอยู่เบื้องหลังรหัส QR

มาซาฮิโระ ฮาระ เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1957 ที่กรุงโตเกียว เป็นวิศวกรของบริษัท Denso Wave (บริษัทลูกของ Toyota) และได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งรหัส QR” อย่างแท้จริง ที่น่าสนใจคือ วันเกิดของเขา วันที่ 8 เดือน 8 ภายหลังยังกลายเป็นวันตั้งชื่อของรหัส QR อีกด้วย

เมื่อเริ่มงานที่บริษัท Nippon Denso (ปัจจุบันคือ Denso) ฮาระ เป็นวิศวกรฮาร์ดแวร์ผู้เชี่ยวชาญด้านวงจรแอนะล็อก วันหนึ่งเจ้านายถามว่า “คุณสามารถทำงานด้านซอฟต์แวร์ได้ไหม” เมื่อเขาปฏิเสธเพราะคิดว่าตนเป็น “นักออกแบบฮาร์ดแวร์” คำตอบที่ได้รับกลับเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล “อีก 10 ปีข้างหน้า เราจะอยู่ในยุคของคอมพิวเตอร์ และเราไม่ต้องการคนที่ทำซอฟต์แวร์ไม่ได้”

ประโยคนั้นไม่เพียงเป็นคำสั่ง แต่เป็นคำพยากรณ์ที่ผลักดันให้ Hara เริ่มต้นเรียนรู้ซอฟต์แวร์ด้วยตัวเอง การตัดสินใจนี้ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เขาสามารถผสมผสานทั้งสองศาสตร์ เพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่อย่างรหัส QR

จุดเปลี่ยนจากโรงงาน Toyota

ในช่วงทศวรรษ 1990 ญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนผ่านจากการผลิตจำนวนมากไปสู่ระบบ “ผลิตแบบยืดหยุ่น” ซึ่งต้องการการติดตามชิ้นส่วนอย่างแม่นยำ ระบบ “Just-in-Time” และ “Kanban” ของ Toyota ทำให้ทุกวินาทีในสายการผลิตมีค่า

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีบาร์โค้ดแบบเดิมกลับกลายเป็น “คอขวด” ที่ขัดขวางการทำงาน เพราะแต่ละบาร์โค้ดเก็บข้อมูลได้เพียง 20 ตัวอักษรเท่านั้น ทำให้พนักงานต้องติดและสแกนหลายรหัสในหนึ่งชิ้นส่วน บางคนต้องสแกนมากกว่า 1,000 ครั้งต่อวัน ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดประสิทธิภาพของ Kanban อย่างสิ้นเชิง

ปี 1992 ฮาระ ได้รับมอบหมายให้สร้างเครื่องสแกนที่เร็วขึ้น แต่แทนที่จะเร่งเครื่อง เขามองเห็นปัญหาที่แท้จริงว่า “ข้อมูลในรหัสบาร์โค้ดน้อยเกินไป” และหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ทางออกคือการสร้าง “รหัสแบบสองมิติ” ที่สามารถบรรจุข้อมูลได้มากกว่า และอ่านได้ทุกทิศทาง

แรงบันดาลใจจากกระดานโกะ

แรงบันดาลใจของรหัส QR มาจากสิ่งใกล้ตัวอย่างคาดไม่ถึง กระดานโกะ ในช่วงพักเที่ยง Hara มองเห็นความเป็นระเบียบของช่องสีดำและสีขาวบนกระดาน และเกิดแนวคิดว่า “เราสามารถจัดเรียงจัตุรัสเล็ก ๆ เพื่อเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ต่อมา เขาได้คิดค้น “ช่องสัญลักษณ์สามมุม” ซึ่งเป็นจุดเด่นของรหัส QR หลังจากได้แรงบันดาลใจขณะนั่งรถไฟและเห็นตึกหนึ่งที่มีหน้าต่างจัดเรียงแตกต่างกันชัดเจน ช่องสัญลักษณ์นี้ช่วยให้เครื่องสแกนสามารถอ่านรหัสได้อย่างรวดเร็วแม้จะหมุนกลับด้านหรืออยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์

หลังจากนั้น ทีมของเขาใช้เวลานานกว่า 6 เดือนเพื่อค้นหา “อัตราส่วนทองคำ” ระหว่างช่องสีดำและขาว จนได้ค่าพิเศษ 1:1:3:1:1 ซึ่งทำให้เครื่องสแกนสามารถแยกแยะรหัสได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน

นอกจากนี้ ฮาระ ยังเพิ่มระบบแก้ไขความผิดพลาด Reed-Solomon ที่ทำให้รหัส QR ยังคงถูกอ่านได้แม้จะเสียหายหรือถูกบดบังถึง 30% ของพื้นที่ จึงไม่แปลกที่รหัส QR จะสามารถทำงานได้แม้ถูกพิมพ์บนกระดาษยับหรือแก้วกาแฟเปียก

ของขวัญล้ำค่าที่ให้ฟรี

ปี 1994 รหัส QR ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ด้วยศักยภาพมหาศาล Denso Wave สามารถเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้มหาศาลจากทุกการใช้งาน แต่พวกเขากลับเลือกทางตรงข้าม เปิดเผยข้อมูลเทคนิคทั้งหมดให้โลกใช้อย่างเสรี โดยยังคงถือสิทธิบัตรไว้แต่ไม่บังคับใช้

เหตุผลเบื้องหลังนั้นลึกซึ้ง Hara และทีมต้องการให้สิ่งประดิษฐ์นี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อีกทั้งเขายังเข้าใจว่าหากไม่มีระบบนิเวศสนับสนุน ต่อให้รหัสดีเพียงใดก็ไร้ความหมาย การเปิดให้ใช้ฟรีจึงกลายเป็นแรงผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ ร่วมกันสร้างเครื่องสแกน ซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันรอบรหัส QR อย่างกว้างขวาง

“ยอมเสียเพื่อชนะ”: ปรัชญาธุรกิจจากเกมโกะ

ฮาระได้รับแรงบันดาลใจจากเกมโกะที่เขารัก เขาเชื่อว่า “หากคุณโลภมากเกินไป คุณจะพ่ายแพ้” ดังนั้น Denso Wave จึงเลือก “ยอมเสีย” ค่าลิขสิทธิ์ เพื่อ “ชนะ” ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า มาตรฐานระดับโลกที่ทุกคนยอมรับ

เมื่อรหัส QR กลายเป็นมาตรฐานเปิด บริษัทใดจะลงทุนสร้างรหัส 2 มิติใหม่ที่ต้องเสียเงินและเสี่ยงทางกฎหมายอีก? การตัดสินใจนี้ได้ปิดประตูคู่แข่งไปโดยปริยาย และทำให้รหัส QR กลายเป็น “มรดกของมนุษยชาติ” ที่โลกทั้งใบใช้อย่างเท่าเทียม

จากสิ่งประดิษฐ์ในโรงงาน สู่รหัสของโลก

รหัส QR ได้พิสูจน์ว่าแนวคิด “ให้ฟรีเพื่อเติบโต” สามารถสร้างพลังเครือข่ายมหาศาลได้จริง มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคดิจิทัล ที่หลอมรวมเทคโนโลยีและชีวิตประจำวันเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ และทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากชายผู้หนึ่ง ผู้ที่เลือก “ไม่ขายสิ่งประดิษฐ์ของตน” แต่เลือก “มอบให้โลก” แทน