
หมอเตือน "กินของร้อน" อันตรายกว่าที่คิด เปิดภาพหลอดอาหารที่ถูก "ลวก" เสี่ยงเป็นมะเร็ง
หมอเตือน "กินของร้อน" อันตรายกว่าที่คิด เปิดภาพหลอดอาหารที่ถูก "ลวก" ขรุขระเป็นแผลลึก เสี่ยงเป็นมะเร็ง
หลายคนเชื่อว่าการดื่มน้ำอุ่นหรือกินอาหารร้อน ๆ ดีต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่ว่าความร้อนเกินขนาดอาจทำลายหลอดอาหารและกระเพาะได้โดยไม่รู้ตัว กรณีของชายชาวจีนรายหนึ่งเป็นตัวอย่างที่สะท้อนชัดเจนว่าพฤติกรรม “กินร้อนเพื่อสุขภาพ” อาจกลายเป็นภัยเงียบที่อันตรายถึงชีวิต
กินร้อนจนป่วย: หลอดอาหารไหม้จากนิสัยดื่มน้ำเดือด
ชายชาวจีนคนหนึ่งนามว่า “จาง” อายุไม่ถึง 40 ปี ดูภายนอกแข็งแรงและกระฉับกระเฉง ทว่ากลับต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเจ็บแสบในลำคออย่างรุนแรง ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพียงอาการอักเสบธรรมดา จึงดื่มน้ำผสมน้ำผึ้งร้อนบ่อย ๆ เพื่อ “ฆ่าเชื้อ” และบรรเทาอาการ แต่ยิ่งดื่มก็ยิ่งรู้สึกว่าคอแสบมากขึ้น กลืนลำบาก อาเจียนแห้ง และถึงขั้นหายใจแล้วรู้สึกเจ็บ
จนกระทั่งญาติขอร้องให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก เมื่อตรวจด้วยกล้องส่องภายใน แพทย์ถึงกับตกใจ เพราะหลอดอาหารของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น มีลักษณะขรุขระ เคลือบด้วยเมือกสีขาวและเต็มไปด้วยแผลลึก แพทย์ยังพูดติดตลกว่า “ดูเหมือนหนังหมูต้มไม่สุก” ผลตรวจยืนยันว่าเขามีภาวะ “หลอดอาหารไหม้และอักเสบเรื้อรัง” และเริ่มมีสัญญาณก่อนเกิดมะเร็งหลอดอาหาร แต่ชายผู้นี้กลับโต้แย้งว่า “ผมก็แค่เจ็บคอ หมอพูดเกินจริง” เขายืนยันว่าตนเองดูแลสุขภาพดี ดื่มแต่น้ำอุ่น กินอาหารร้อนจัดเป็นประจำเพราะคิดว่าดีต่อร่างกาย
ความเชื่อผิด ๆ “กินร้อนดีต่อสุขภาพ” เสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร
นายแพทย์อู่ จงฉิน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารจากจีน อธิบายว่า การกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนเกินไปเป็นเวลานานสามารถทำลายเยื่อบุภายในได้ โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการบริโภคอยู่ระหว่าง 10–40 องศาเซลเซียส ส่วนหลอดอาหารจะเริ่มได้รับความเสียหายเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 60 องศาเซลเซียส
หากกินอาหารที่ร้อนเกินระดับนี้บ่อย ๆ จะทำให้เยื่อบุหลอดอาหารไหม้เป็นแผลเล็ก ๆ สะสมจนเกิดการอักเสบเรื้อรัง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหลอดอาหารอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกยืนยัน “ของร้อน” คือปัจจัยเสี่ยงจริง
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า มะเร็งหลอดอาหารเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 8 ของโลก และคร่าชีวิตผู้คนกว่า 400,000 รายต่อปี ส่วนสถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) ยืนยันว่า “อุณหภูมิสูงของอาหารและเครื่องดื่ม” เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยง ไม่ใช่ตัวอาหารเอง
งานวิจัยในประเทศจีน อิหร่าน และตุรกี พบว่าผู้ที่นิยมดื่มชาและกินซุปที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส มีโอกาสเป็นมะเร็งหลอดอาหารมากกว่าคนทั่วไปอย่างชัดเจน
ผลเสียของการกินอาหารร้อนจัดต่อร่างกาย
- ทำให้ปากพองและปลายประสาทรับรสเสีย จนรับรสได้ลดลง
- หากกินเร็วเพราะกลัวเย็น กระเพาะจะปรับตัวไม่ทัน ทำให้ท้องอืด ย่อยยาก หรือท้องผูก
- เมื่อสะสมเป็นเวลานาน เยื่อบุกระเพาะจะสึกกร่อน เสี่ยงแผลในกระเพาะ เลือดออก หรือมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
ยิ่งกินของร้อนบ่อย ร่างกายยิ่ง “ชิน” กับอันตราย
แพทย์อู่ จงฉิน เตือนว่า เมื่อกินของร้อนจัดเป็นประจำ ร่างกายจะค่อย ๆ สูญเสียความสามารถในการรับรู้ความร้อน เพราะเยื่อบุหลอดอาหารถูกทำลายและหนาตัวขึ้น ทำให้ทนความร้อนได้มากกว่าเดิม และยิ่งกินร้อนขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
กรณีของนายจาง อาการแย่ลงหลังจากกินหม้อไฟรสเผ็ดจัด โดยดื่มน้ำซุปขณะยังเดือดในปริมาณมาก ส่งผลให้หลอดอาหารไหม้อย่างรุนแรง โชคดีที่ตรวจพบตั้งแต่ระยะต้นจึงสามารถรักษาได้ก่อนพัฒนาเป็นมะเร็ง
สรุป: กินร้อนพอดี สุขภาพดีกว่า
เหตุการณ์ของนายจางเป็นบทเรียนสำคัญว่า “ความร้อนมากเกินไปไม่ใช่สัญลักษณ์ของสุขภาพดี” การกินอาหารในอุณหภูมิพอดี ไม่รีบ ไม่ร้อนจัด ช่วยถนอมหลอดอาหารและกระเพาะให้แข็งแรง ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างมะเร็งหลอดอาหาร